เสมา 1 หารือบอร์ด
29 สิงหาคม 2567 / พลตำรวจ...
25 กันยายน 2567 – พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) โครงการสวัสดิการเพื่อลดภาระครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยนายพีระพันธ์ เหมะรัต เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษาธิการธิการ (สกสค.) และ นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ร่วมลงนาม ซึ่งมีนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ผู้บริหาร ข้าราชการและผู้ที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นสักขีพยาน ณ ห้องราชวัลลภ กระทรวงศึกษาธิการ
พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ กล่าวว่า ขอบคุณทุกฝ่ายที่ร่วมกันดำเนินงานจนเกิดโครงการที่ดีเช่นนี้ รู้สึกยินดีและมีความสุขมากที่เครือข่ายได้ร่วมกันทำเพื่อครูและบุคลากรทางการศึกษาการศึกษาตามนโยบาย “เรียนดี มีความสุข” และ “ลดภาระครูและบุคลากรทางการศึกษา” ซึ่งสอดรับและตอบสนองนโยบายของรัฐบาลที่เน้นย้ำเรื่องการแก้ไขปัญหาหนี้สิน ถือเป็นความร่วมมือที่มีประโยชน์ต่อเพื่อนครูทั้งการปรับลดดอกเบี้ยและส่งเสริมวินัยการออม หวังเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการนี้จะทำให้เกิดความสุขแก่ครอบครัวครูทั่วประเทศ และคาดว่าจะมีนวัตกรรมใหม่ในการช่วยลดภาระครูและบุคลากรทางการศึกษาที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต
นายพีระพันธ์ เหมะรัต กล่าวว่า ด้วยปัญหาหนี้สินของครูในปัจจุบันพบว่ามีอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ค่อนข้างสูงรวมถึงมีการออมในอัตราที่ต่ำ ขณะเดียวกันก็มีภาระค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างมาก จากนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ ที่เน้นย้ำเรื่องการลดภาระครูและบุคลากรทางการศึกษา สกสค.เป็นหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายเรื่องการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูอย่างเป็นรูปธรรม จึงดำเนินการขับเคลื่อนความร่วมมือร่วมกับสถาบันทางการเงิน เพื่อส่งเสริมให้ความรู้กับครูด้านวินัยการออมให้มีหลักประกันและความมั่นคงในชีวิต และในอนาคตอาจจะออกสลากครูเพื่อความยั่งยืน โดยเป็นการออมพร้อมกับได้รับดอกเบี้ย ซึ่งทำให้ครูมีเงินเพิ่มพูนในระยะยาวและระหว่างออมยังได้สิทธิ์ลุ้นรางวัลไปพร้อมกัน
ขอขอบคุณที่ ธอส. ให้ความสำคัญและคำนึงถึงคุณภาพชีวิตของครูและร่วมกันขับเคลื่อนตามกรอบบันทึกข้อตกลงความร่วมมือให้เกิดประโยชน์ตามแนวทาง “จับมือไว้ แล้วไปด้วยกัน” หวังเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการความร่วมมือในครั้งนี้จะสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ และในอนาคตจะได้ร่วมมือกันลดภาระดูแลครูและบุคลากรทางการศึกษาให้มีความสุขต่อไป
นายกมลภพ วีระพละ กล่าวว่า ธอส.ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐมีหน้าที่ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” พร้อมบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ จึงได้ร่วมมือกับ สกสค. ในการช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตครู และบุคลากรทางการศึกษาให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ด้วยการร่วมมือกันให้ความรู้ทางวิชาการด้านการบริหารหรือวางแผนทางการเงิน และการออมเพื่อการมีบ้านตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ให้คำปรึกษาแก้ไขปัญหาทางการเงินและกฎหมาย พร้อมมีส่วนร่วมในการยกระดับคุณภาพชีวิตของครูไทยให้ดีขึ้น เพราะครูถือเป็นผู้ที่สร้างคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติ เป็นผู้ให้การศึกษาแก่เยาวชนไทยให้มีความรู้ไปพัฒนาประเทศได้ในอนาคต จึงควรได้รับโอกาสในการเข้าถึงสินเชื่อที่อยู่อาศัยอัตราดอกเบี้ยต่ำอย่างเหมาะสม รวมถึงยังมีเงินฝากที่ให้ผลตอบแทนดี และยังมีโอกาสทำให้สามารถขอสินเชื่อบ้านได้ในอนาคตอีกด้วย
สำหรับ 3 โครงการหลักที่ลดภาระและแก้ไขปัญหาหนี้สินให้แก่ครูและบุคลากรทางการศึกษาตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ ประกอบด้วย
1. โครงการโรงเรียนการเงิน เงินฝากประจำสะสมทรัพย์ 24 เดือน เพื่อส่งเสริมการออมอย่างยั่งยืน สม่ำเสมอ ในวงเงินตั้งแต่ 1,000 บาท ถึง 25,000 บาทต่อเดือน ในอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 1.7% ต่อปี เมื่อฝากครบ 24 เดือนติดต่อกันจะได้รับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มอีก 1% ตั้งแต่ต้น
2. โครงการสวัสดิการลดภาระครูและบุคลากรทางการศึกษา Refinance In เพื่อลดค่าครองชีพจากอัตราดอกเบี้ยสูง 6 – 7 % เหลือ 1.71 % โดยให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยกับสถาบันการเงินอื่นมา Refinance ปรับโครงสร้างหนี้กับ ธอส. ซึ่งจะทำให้มีรายได้ต่อเดือนคงเหลือเพิ่มขึ้นจากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง
3. โครงการสวัสดิการเกษียณสุขสำราญ Reverse Mortgage เพื่อให้ผู้เกษียณได้มีรายได้เพิ่มเป็นการช่วยเหลือค่าครองชีพ โดยให้ผู้เกษียณแล้วอายุระหว่าง 60 – 75 ปี ที่มีบ้านปลอดภาระจำนองได้เข้าโครงการกู้เงินในอัตราครึ่งหนึ่งของราคาประเมินทรัพย์สินแต่ไม่เกิน 10 ล้านบาท รับเงินกู้เป็นรายเดือนโดยไม่ชำระดอกเบี้ยได้ถึงอายุ 85 ปี
ทั้งนี้ ครูและบุคลากรทางการศึกษาที่สนใจขอสินเชื่อดังกล่าวกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ สามารถขอหนังสือรับรองความเป็นสมาชิก ช.พ.ค. และ/หรือ สมาชิก ช.พ.ส. พร้อมนำเอกสารส่วนตัว เอกสารแสดงรายได้และเอกสารหลักประกัน มายื่นขอสินเชื่อได้ตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2567 และทำนิติกรรมภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2567 ที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้ที่ Line OA : สกสค. “ศูนย์ปรึกษาทางการเงิน” ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
พบพร ผดุงพล / ข่าว
พีรณัฐ ยุชยะทัต / ภาพ
The post สกสค. จับมือ ธอส. จัดใหญ่ หั่นดอกเบี้ยเหลือเพียง 1.71 ต่อปี เล็งเพิ่ม ”สลากครู” เพิ่มพูนการออมระยะยาว appeared first on กระทรวงศึกษาธิการ.