21 มีนาคม 2567 / พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ มอบหมายให้นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานพิธีเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการขับเคลื่อนนโยบายสู่การปฏิบัติในสถานศึกษา เรื่องการพัฒนาและขับเคลื่อนระบบสุขภาพสถานศึกษาด้วยการบูรณาการความร่วมมือในระดับพื้นที่ : เรียนดี มีความสุข คุณภาพชีวิตดี โดยเป็นความร่วมมือของกระทรวงศึกษาธิการ ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ร่วมด้วยผู้บริหารระดับสูง นายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ นายแพทย์สุเทพ เพชรมาก เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ นายสุทธิพงษ์ วสุโสภาพล รองเลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานคร

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำ ศธ. กล่าวว่า วันนี้นับเป็นก้าวสำคัญที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) จะร่วมพัฒนาและขับเคลื่อนระบบสุขภาพสถานศึกษา ภายใต้บันทึกข้อตกลงความร่วมมือการขับเคลื่อนธรรมนูญสุขภาพสถานศึกษา ซึ่งสอดรับกับนโยบาย “เรียนดี มีความสุข” ของ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เพราะการที่ผู้เรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษา มีสุขภาวะทางกายและใจที่ดี ย่อมส่งผลให้มีความสุขในสถานศึกษาด้วย

เราจึงต้องมีธรรมนูญสุขภาพสถานศึกษา ที่เป็นเหมือนข้อตกลงร่วมกันระหว่างโรงเรียน ชุมชน กรรมการสถานศึกษา ผู้ปกครอง และนักเรียน ออกแบบรูปแบบการดำเนินการร่วมกัน อีกทั้งตอนนี้ได้รับความร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ร่วมตรวจตราในบริเวณใกล้เคียงสถานศึกษา ไม่ให้มีการขายสิ่งของในลักษณะสุ่มเสี่ยงที่เป็นอันตรายกับผู้เรียน ทั้งบุหรี่ไฟฟ้า กัญชา กระท่อม ส่วนโรงเรียนอาจจะต้องขอยกระดับความร่วมมือกับผู้ปกครองมากขึ้น ตามบริบทแต่ละสถานที่เพื่อดำเนินการร่วมกันได้

ที่สำคัญแต่ละสถานศึกษาจะได้ลองทบทวนว่าธรรมนูญสุขภาพสถานศึกษาที่มีอยู่แล้ว ได้ดูแลสุขภาพใจสุขภาพกายของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ ถ้ายังไม่มีจะได้เป็นโอกาสในการปรับปรุงและไปประยุกต์ใช้ สร้างสภาพแวดล้อมและระบบนิเวศให้เอื้อต่อการมีสุขภาพที่ดี ให้กับผู้เรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษา ตลอดจนชุมชนที่อยู่บริเวณโดยรอบสถานศึกษา ที่จะเป็นพลังในการเฝ้าระวังและเป็นรั้วให้กับสถานศึกษา

คาดว่าหลังจากนี้จะมีอีกหลายโครงการเกิดขึ้นให้เห็นเป็นรูปธรรม ส่วนการร่างธรรมนูญสถานศึกษานั้น ยังต้องทำอีกหลายขั้นตอนให้รอบคอบที่สุด แต่สิ่งที่อยากเพิ่มเติมคือเน้นเรื่องของการจัดการยาเสพติดในสถานศึกษา รวมถึงเรื่องอื่นที่เป็นต้นเหตุของปัญหาสุขภาวะทางใจ การบังคับใช้ด้านกฎเกณฑ์บางอย่างในสถานศึกษาที่มากเกินไป การบูลลี่ในสถานศึกษา จนส่งผลต่อจิตใจผู้เรียน จะทำอย่างไรให้ปัญหาเหล่านี้หมดไป

ทั้งนี้ กระทรวงศึกษาธิการได้ตั้งเป้าให้ทุกสถานศึกษา มีธรรมนูญสุขภาพสถานศึกษาร่วมกันไม่น้อยกว่า 50% ในปีแรก และส่วนที่เป็นโรงเรียนขนาดเล็กต้องส่งเสริมให้มีเช่นเดียวกัน คาดว่าจะเริ่มได้ตั้งแต่ช่วงเปิดเทอมที่จะถึงนี้ ซึ่งหลังจากเสร็จสิ้นงานในวันนี้แล้ว ทางเขตพื้นที่การศึกษาจะเริ่มขับเคลื่อนได้เลย และจะมีการติดตามการดำเนินงานจากคณะกรรมการนโยบายของ รมว.ศธ.ที่ดูแลเกี่ยวกับสุขภาวะทุกด้านของผู้เรียนในทุกมิติต่อไป

นายแพทย์สุเทพ เพชรมาก เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า สุขภาพของเด็กและเยาวชนซึ่งเป็นกลุ่มที่จะเติบโตขึ้นมาเป็นอนาคตของประเทศนั้น เกี่ยวข้องกับปัจจัยที่หลากหลายมากมาย หน่วยงานด้านสาธารณสุขหรือด้านสุขภาพเพียงอย่างเดียวไม่สามารถดำเนินการจัดการได้ ต้องอาศัยหน่วยงาน หรือภาคีจากทุกภาคส่วนร่วมมือกัน ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการนั้นถือเป็นองค์กรที่มีส่วนสำคัญมากในเรื่องนี้ เนื่องจากสถานศึกษามีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยส่งเสริมและเอื้อให้เกิดสุขภาวะทางกาย สุขภาวะทางจิต สุขภาวะทางปัญญา รวมถึงการตระหนักรู้ มีสำนึกรับผิดรับชอบ และสุขภาวะทางสังคม ครบทุกมิติตามพระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550 โรงเรียนและสถานศึกษาในรูปแบบต่างๆ จึงถือเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการสร้างสุขภาพ และสุขภาพเป็นเงื่อนไขสำคัญในการนำไปสู่การพัฒนาทุนมนุษย์ ให้ประเทศไทยยังคงมีขีดความสามารถในการแข่งขันและพัฒนาต่อไปได้ในอนาคต

สำหรับเครื่องมือที่จะนำมาใช้ในการขับเคลื่อนสู่ระบบสุขภาพสถานศึกษาที่ต้องการร่วมกันนั้นคือ “ธรรมนูญสุขภาพสถานศึกษา” ไม่ใช่แต่เฉพาะครู ผู้เรียน หรือผู้ปกครองและครอบครัวเท่านั้น แต่รวมถึงชุมชนโดยรอบ และภาคีที่มีความเกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมทั้งในและรอบ ๆ สถานศึกษา ตลอดจนภาคีที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบสุขภาพสถานศึกษา โดยในแต่ละสถานศึกษานั้น ก็จะมีบริบทที่แตกต่างกัน สามารถออกแบบธรรมนูญสุขภาพสถานศึกษาที่สอดคล้องกับสถานศึกษาได้ตามความเหมาะสม
สิ่งสำคัญคือต้องให้ความสำคัญกับกระบวนการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายทุกกลุ่มที่เกี่ยวข้องพยายามอย่าละเลยหรือมองข้ามกลุ่มบางกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เพื่อให้เกิดการกำหนดเป้าหมายร่วมกัน เกิดการยอมรับในธรรมนูญสุขภาพสถานศึกษาร่วมกัน ซึ่งจะส่งผลให้การขับเคลื่อนระบบสุขภาพของสถานศึกษาเห็นความสำคัญกับเรื่องความเป็นธรรม และมีการดำเนินงานที่บรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมายร่วมได้จริงตลอดจนมีความสอดคล้องกับธรรมนูญว่าด้วยระบบสุขภาพแห่งชาติด้วย

นายแพทย์สุเทพ ได้กล่าวทิ้งท้ายไว้ด้วยว่า “ธรรมนูญสุขภาพสถานศึกษา จะเป็นกรอบนโยบายการพัฒนาสุขภาพตามบริบทและความต้องการของสถานศึกษานั้น ๆ อย่างมีส่วนร่วม โดยเป็นข้อตกลงร่วมกันของภาคีที่เกี่ยวข้องที่กำหนดทิศทางหรือแนวปฏิบัติอันจะนำไปสู่สุขภาพที่ดีของสถานศึกษา เป็นเครื่องมือที่เพิ่มทางเลือกให้กับการพัฒนาระบบสุขภาพสถานศึกษา และเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยสร้างการมีส่วนร่วมและการยอมรับของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และนำไปสู่การปฏิบัติได้ โดยสามารถนำเอาธรรมนูญว่าด้วยระบบสุขภาพแห่งชาติมาใช้เป็นกรอบหรือเป็นต้นแบบในการพัฒนา เพื่อให้เกิดการดำเนินการที่นำไปสู่เป้าหมาย เรียนดี มีความสุข คุณภาพชีวิตดี ได้ในที่สุด”

สำหรับการประชุมฯ ในครั้งนี้ จัดขึ้นในวันที่ 21-22 มีนาคม 2567 ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวชั่น กรุงเทพมหานคร โดยมีผู้เข้าร่วมจาก สำนักงานศึกษาธิการภาค 1-18, สำนักงานศึกษาธิการจังหวัด 76 จังหวัดและกรุงเทพมหานคร, สำนักงานอาชีวศึกษาจังหวัด 76 จังหวัดและกรุงเทพมหานคร, สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัด 76 จังหวัดและกรุงเทพมหานคร, สำนักงานการศึกษาเอกชนจังหวัด 5 จังหวัด, สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา, สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา, กระทรวงสาธารณสุข, สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ, สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ, สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ, กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา, สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ, ผู้บริหารหน่วยงานส่วนกลางและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวม 650 คน

พบพร ผดุงพล / ข่าว
ศุภณัฐ วัฒนมงคลลาภ / ภาพ

The post ศธ. จับมือ สช. จุดพลังธรรมนูญสุขภาพสถานศึกษาระดับพื้นที่ หลีกหนีสิ่งเสพติด​ ดูแลสุขภาพจิตเยาวชน ตั้งเป้านักเรียนทุกคน “เรียนดี มีความสุข คุณภาพชีวิตดี” appeared first on กระทรวงศึกษาธิการ.

Share This Article

Related Post