9 ตุลาคม 2567 / พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุมประสานภารกิจ ครั้งที่ 35/2567 ณ ห้องประชุมราชวัลลภ และผ่านระบบ e-Meeting

ภายหลังการประชุม รมว.ศธ. พร้อมด้วยนายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รมช.ศธ. นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ คณะที่ปรึกษา รมว.ศธ. นายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัด ศธ. ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการ กพฐ. นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการ กอศ. และนายประวิต เอราวรรณ์ เลขาธิการ สกศ. แถลงข่าว ณ ห้องแถลงข่าว

รมว.ศธ. กล่าวว่า จากเหตุการณ์เพลิงไหม้รถทัศนศึกษา ของครูและนักเรียนโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม จนทำให้นักเรียนและครูได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ขอขอบคุณทุกภาคส่วน ที่ได้ร่วมกันให้การช่วยเหลือและสนับสนุนการดำเนินงานเป็นอย่างดี ซึ่งหลังจากนี้ก็ขอให้มีการติดตามการดำเนินงานให้การช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง

ในส่วนของผู้เสียชีวิต ทายาทจะได้รับเงินเยียวยาเบื้องต้นประมาณรายละ 2.4 ล้านบาท และยังมียอดเงินบริจาค จากบัญชี “รวมน้ำใจ ช่วยเหลือผู้ประสบเหตุไฟไหม้รถบัสโดยสารขณะเดินทางไปทัศนศึกษา โรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม จังหวัดอุทัยธานี” ธนาคารกรุงไทย สาขากระทรวงศึกษาธิการ บัญชีออมทรัพย์ เลขที่ 059-0-43728-3 ขณะนี้มียอดผู้บริจาคล่าสุดกว่า 2.5 ล้านบาท ซึ่งเมื่อปิดรับบริจาคทาง ศธ. จะจัดสรรมอบให้กับทายาทผู้เสียชีวิตรวมถึงผู้บาดเจ็บต่อไป

ด้านกรณี “ครูมิ้ม” นิสิตฝึกสอน หลักสูตรครุศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาสังคมศึกษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) ที่เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้ ทางสภามหาวิทยาลัยได้อนุมัติจบการศึกษาเป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากครูมิ้มได้ฝึกสอนเกินกว่าร้อยละ 70 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนผู้บาดเจ็บที่ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลได้มีการติดตามอาการอย่างต่อเนื่อง พร้อมช่วยเหลือเยียวยาตามสิทธิต่าง ๆ ทั้งทุนการศึกษา การฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจ ทั้งนักเรียน ครู และผู้ปกครองที่ได้รับผลกระทบ โดยประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแล ขอให้มีการเยียวยาในภาพรวมทุกมิติ ย้ำทุกหน่วยงานในสังกัดที่เกี่ยวข้องต้องไม่ทำงานแบบไฟไหม้ฟาง

สำหรับการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน โดยเฉพาะการทัศนศึกษาหรือการพานักเรียนไปศึกษาความรู้นอกสถานที่ยังคงเป็นสิ่งที่สำคัญ แต่ก็ขอให้ทุกกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นในสถานศึกษาหรือนอกสถานศึกษา ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนักเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษาเป็นสำคัญ

สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

การขับเคลื่อนเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษา PISA

รมว.ศธ. กล่าวว่า การขับเคลื่อนฯ ในแนวทางกิจกรรม “โรงเรียนพี่ โรงเรียนน้อง” เพื่อให้โรงเรียนพี่เสริมสร้างการยกระดับสมรรถนะความฉลาดรู้ให้โรงเรียนน้อง ถือเป็นมิติที่ดีในการให้โรงเรียนในระดับมัธยมที่มีความพร้อม สนับสนุนโรงเรียนน้องระดับประถมศึกษาในด้านต่าง ๆ สำหรับโรงเรียนในระดับมัธยมและมัธยม ควรเป็นในลักษณะ “โรงเรียนคู่พัฒนา” เพื่อให้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันในทุกมิติ รวมถึงการจัดทำ Google Classroom ผลิตสื่อการเรียนรู้ คลิปวีดิโอ เพื่อให้สามารถเข้าไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้เนื้อหาที่ได้จากการฝึกอบรม และแลกเปลี่ยนแนวทางในการสร้างและพัฒนาข้อสอบฯ รวมถึง แนวทางในการนำแนวข้อสอบไปใช้ในการจัดการเรียนการสอนในชั้นเรียน เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้ามาร่วมรับฟังและเรียนรู้ไปพร้อมกัน

สำหรับการพัฒนาครูในการสร้างและพัฒนาข้อสอบวัดความฉลาดรู้ ด้านการอ่าน วิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น โดย สพฐ. ร่วมกับ สสวท. พัฒนาครูในการสร้างและพัฒนาข้อสอบ ซึ่งขณะนี้กำลังดำเนินการอยู่ เพื่อให้ครูและบุคลากรทางการศึกษา เป็นผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการประเมิน และลักษณะของข้อสอบ PISA และมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการสร้างข้อสอบแบบเลือกตอบ และข้อสอบแบบเขียนตอบ เพื่อให้ได้ข้อสอบที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด และนอกจากนี้ยังมีกิจกรรมค่ายสร้างแรงบันดาลใจ โรงเรียนพี่ – โรงเรียนน้อง เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะความฉลาดรู้ด้านวิทยาศาสตร์ และเพื่อส่งเสริมความเป็นเลิศทางด้านคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี

ทั้งนี้ สพฐ. ได้ดำเนินการขับเคลื่อนฯ ด้วยการใช้ชุดพัฒนาความฉลาดรู้ ในภาคเรียนที่ 1/2567 โดยได้นำชุดพัฒนาไปใช้ใน 245 เขตพื้นที่ครบทุกเขต 100% โดยมีกลุ่มเป้าหมาย 9,214 คน ซึ่งในด้านการอ่าน ด้านวิทยาศาสตร์และด้านคณิตศาสตร์ มีการนำไปใช้เกินกว่าร้อยละ 80 ในทุกด้าน นอกจากนี้ทุกเขตพื้นที่ยังได้ดำเนินการจัดทำแผนการนำชุดพัฒนาไปใช้ในห้องเรียน เพื่อใช้ในภาคเรียนที่ 2/2567 เพื่อการขับเคลื่อนและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ สสวท. ร่วมกับ มูลนิธิ สอวน. ในการเตรียมการดำเนินงานสำหรับการจัดส่งผู้แทนไทย เข้าร่วมการแข่งขันคณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการแข่งขันโอลิมปิกระดับชาติ และระดับนานาชาติ ใน 5 สาขาวิชา และเป็นการเตรียมความพร้อม และพิจารณาทุนการศึกษาโอลิมปิกวิชาการ ในการเป็นเจ้าภาพแข่งขันฟิสิกส์โอลิมปิกระดับทวีปเอเชีย

สถานการณ์สถานศึกษาที่ประสบเหตุอุทกภัย

รมว.ศธ. กล่าวว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้ลงพื้นที่จังหวัดเชียงราย ประสานความร่วมมือภาคีเครือข่ายในพื้นที่ช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัย พร้อมได้รับทราบข้อมูลนักเรียนครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ประสบอุทกภัยและการเยียวยา พบว่ามีผู้ประสบภัยที่เป็นบุคลากรกระทรวงศึกษาธิการ ในพื้นที่ 36 จังหวัด จำนวนกว่า 2 หมื่นคน โดย สพฐ. ได้มีมาตรการเยียวยาในระยะสั้น ในการช่วยเหลือเยียวยา (ถุงยังชีพ) จากกองทุนรวมน้ำใจช่วยเหลือผู้ประสบภัย สพฐ. และสถานศึกษาที่ได้รับผลกระทบอุทกภัย สำหรับมาตรการเยียวยาในระยะยาวได้ดำเนินการจัดสรรงบประมาณในการซ่อมสุขาโรงเรียนที่ได้รับผลกระทบ งบประมาณในการล้าง ซ่อมแซมอาคารสถานที่ และ งบประมาณในการซื้อหนังสือ อุปกรณ์การเรียนและค่าเครื่องแบบ

นอกจากนี้ ได้สั่งการให้ สอศ. ตั้งศูนย์ Fix it Center 70 แห่ง ในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยได้ซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้า รถยนต์ รถจักรยานยนต์ และช่วยเหลือดูแลทำความสะอาดบ้านเรือน สถานศึกษา ล้างดินโคลน รวมทั้งเร่งฟื้นฟูในพื้นที่ต่าง ๆ ที่ได้รับผลกระทบให้กลับมาในสภาพเดิมมากที่สุด โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เป็นการนำทักษะของนักศึกษาอาชีวะที่เรียนมาปฏิบัติจริง ทั้งนี้ทีม “อาชีวะ Fix it จิตอาสา” จะหมุนเวียนเข้ามาปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่องจนกว่าภารกิจจะเสร็จสิ้น โดยจะให้บริการจนถึงวันที่ 22 ตุลาคม นี้

สำหรับการช่วยเหลือเยียวยานักเรียน นักศึกษา (ลดภาระค่าใช้จ่ายผู้ปกครอง) โดยให้ความช่วยเหลือนักเรียน นักศึกษาของสถานศึกษาในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ประกอบด้วย นักเรียนในสถานศึกษาขั้นพื้นฐานและศูนย์การศึกษาพิเศษ สังกัด สพฐ. นักเรียนในสถานศึกษาขั้นพื้นฐานสังกัด สช. นักศึกษาในสถานศึกษา สังกัด สอศ. ทั้งของรัฐและเอกชน และผู้เรียนในสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ สังกัด สกร. ในอัตราเงินอุดหนุน รายหัว (ค่าหนังสือ ค่าเครื่องแบบนักเรียน และค่าอุปกรณ์การเรียน) ของโครงการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาลจนจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน ซึ่ง ศธ. จะเร่งของบกลางปีงบประมาณ 2568 เพื่อเยียวยาครู นักเรียน นักศึกษา ผู้ปกครอง และฟื้นฟูหน่วยงาน สถานศึกษาในสังกัดจากเหตุอุทกภัยโดยด่วน

แนวทางปฏิบัติในการพานักเรียนไปนอกสถานที่

รมว.ศธ. กล่าวว่า การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน โดยเฉพาะการทัศนศึกษาหรือการพานักเรียนไปศึกษาความรู้นอกสถานที่ยังเป็นสิ่งที่สำคัญ แต่ก็ขอให้ทุกกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นในสถานศึกษาหรือนอกสถานศึกษาต้องคำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนักเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษาเป็นสำคัญ

ศธ. จึงให้สถานศึกษางดการพานักเรียนไปนอกสถานศึกษาไว้เป็นการชั่วคราว จนกว่าจะมีมาตรการเป็นอย่างอื่น ทั้งการพาไปนอกสถานศึกษาไม่พักแรม การพาไปนอกสถานศึกษาพักแรม และการพาไปนอกราชอาณาจักร หรือหากจำเป็นต่อการส่งเสริมการเรียนรู้ให้พิจารณาเป็นรายกรณี ซึ่งจะกระทำได้ต้อง “ปฏิบัติตามระเบียบและปฏิบัติตามแนวทางในการพานักเรียนไปนอกสถานศึกษา” ทุกฉบับ อย่างเคร่งครัด

ระเบียบและแนวทางในการพานักเรียนไปนอกสถานศึกษา

ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการพานักเรียนและนักศึกษาไปนอกสถานที่ พ.ศ. 2562
ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการพานักเรียนและนักศึกษาไปนอกสถานที่ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2563
ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง มาตรการในการพานักเรียน และนักศึกษาไปนอกสถานที่และเดินทางไกล เข้าค่ายพักแรมของลูกเสือ เนตรนารีและยุวกาชาด
การเฝ้าระวังและป้องกันนักเรียนบาดเจ็บหรือเสียชีวิตในรถและการไปทัศนศึกษา

โดยเฉพาะในการพานักเรียนไปนอกสถานศึกษา ให้พิจารณาถึงความพร้อมและความสามารถในการดูแลตนเองขั้นพื้นฐานของนักเรียน และเลือกสถานที่ดำเนินกิจกรรม โดยคำนึงถึงระยะเวลาในการเดินทาง และสาระความรู้ให้เหมาะสมกับช่วงวัย ระดับปฐมวัยต้องมีผู้ปกครองอาสาร่วมคณะไปด้วย และห้ามพานักเรียนออกนอกสถานศึกษาคละกับนักเรียนช่วงชั้นอื่น ให้เลือกสถานที่จัดประสบการณ์เรียนรู้ในพื้นที่ใกล้เคียงสถานศึกษา ที่ส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย ระดับชั้น ป. 1 – ป.3 ควรมีผู้ปกครองอาสาร่วมคณะไปด้วย และให้เลือกสถานที่ดำเนินกิจกรรมในพื้นที่ใกล้เคียงสถานศึกษา และระดับชั้น ป.4 – ป.6 และ ม.1 – ม.6 ให้เลือกสถานที่ดำเนินกิจกรรมในพื้นที่ที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของนักเรียนครูและบุคลากรทางการศึกษาเป็นสำคัญ

“ขอให้การสูญเสียในครั้งนี้เป็นบทเรียนในการสร้างมาตรฐานความปลอดภัยให้กับบุคลากรกระทรวงศึกษาธิการ ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนครูบุคลากร เจ้าหน้าที่ รวมไปถึงผู้บริหาร ทุกคนต้องได้รับความปลอดภัยในการทำงานและการเรียนทั้งในและนอกรั้วกระทรวงศึกษาธิการ”

อานนท์ วิชานนท์ / ข่าว
ศุภณัฐ วัฒนมงคลลภา / วิดีโอ
พีรณัฐ ยุชยะทัต / ภาพ

The post “เพิ่มพูน” เร่งช่วยเหลือฟื้นฟูสถานศึกษาประสบอุทกภัย พร้อมกำชับทุกหน่วยงานปฏิบัติตามระเบียบพานักเรียนไปนอกสถานที่เคร่งครัด appeared first on กระทรวงศึกษาธิการ.

Share This Article

Related Post