รมว.ศธ. “เพิ่มพูน” เป็นประธานการประชุมประสานภารกิจ ครั้งที่ 8/2568 ย้ำแนวทางการทำงานของชาว ศธ. เป็นหนึ่งเดียวกัน สร้างเครือข่ายสนับสนุนการทำงานอย่างเต็มที่ เตรียมนำ AI มาช่วยขับเคลื่อนยกระดับคุณภาพการศึกษาสู่มาตรฐานสากล พร้อมนำข้อมูลที่ได้จากการทดสอบ O-NET มาวิเคราะห์อย่างละเอียด เพื่อการพัฒนาในทุกมิติ ขอบคุณ ครม. อนุมัติงบประมาณช่วยเหลือโรงเรียนเอกชนที่ประสบภัยพิบัติจากสถานการณ์อุทกภัยในจังหวัดยะลา สงขลา และนราธิวาส ปลื้มระบบการย้ายข้าราชการครู TRS ก่อเกิดความเป็นธรรม โปร่งใส และลดภาระครูและบุคลากรทางการศึกษา เผย ศธ. สามารถนำเด็กกลับเข้าสู่ระบบการศึกษาภาคบังคับได้ครบ 100% ถึง 51 จังหวัด และจะเร่งดำเนินการให้ครบทุกจังหวัดทั่วประเทศต่อไป

12 มีนาคม 2568 / พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุมประสานภารกิจ ครั้งที่ 8/2568 ณ ห้องประชุมราชวัลลภ และผ่านระบบ e-Meeting

ภายหลังการประชุม รมว.ศธ. พร้อมด้วยนายเชิดศักดิ์ โภคกุลกานนท์ ที่ปรึกษา รมว.ศธ., นายพิษณุ พลธี เลขานุการ รมช.ศธ., นายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัด ศธ., ว่าที่ ร.ต.ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการ กพฐ., นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการ กอศ. และนายประวิต เอราวรรณ์ เลขาธิการ สกศ. แถลงข่าว ณ ห้องแถลงข่าว

รมว.ศธ. กล่าวว่า การทำงานร่วมกันของ ศธ. ขอให้มี “การทำงานเป็นหนึ่งเดียว MOE One Team” เพื่อเน้นย้ำถึงความสำคัญของการร่วมมือกันในการขับเคลื่อนการศึกษาของประเทศ ต้องมีการประสานงานที่เข้มแข็ง สร้างเครือข่ายการทำงานและสนับสนุนกันอย่างเต็มที่ เพื่อให้การดำเนินงานรวดเร็ว กระชับ ฉับไวมากยิ่งขึ้น

สรุปสาระสำคัญจากการประชุม ดังนี้

การขับเคลื่อนยกระดับคุณภาพการศึกษาสู่มาตรฐานสากล

การขับเคลื่อนเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษา PISA
รมว.ศธ. กล่าวว่า เมื่ออบรมพัฒนาบุคลากรแล้วก็ขอให้มีการขับเคลื่อนในระดับเขตพื้นที่ เพื่อให้การพัฒนาการศึกษามีผลต่อเนื่องและเป็นรูปธรรม มีการทำงานร่วมกันระหว่างทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานของ สพฐ. สช. และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

สำหรับความก้าวหน้าการขยายผลการอบรมการสร้างและพัฒนาข้อสอบในระดับเขตพื้นที่ พบว่าในขณะนี้มีผู้ลงทะเบียนกว่า 325,726 คน และมีผู้ที่อบรมเสร็จสิ้นจำนวน 186,117 คน มีมากกว่า 200 เขตพื้นที่ที่สามารถดำเนินการอบรมได้ครบ 100% และมีการขับเคลื่อนที่มีประสิทธิภาพ อาทิ สพป.พังงา ที่ได้จัดสอบ Pre PISA และนำผลไปวิเคราะห์ทั้งในระดับบุคคลและกลุ่มโรงเรียน เพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา สพป.ตาก เขต 1 ก็ได้นำเทคโนโลยี AI มาใช้ในการฝึกสร้างข้อสอบแนว PISA การวิเคราะห์คำตอบ และการจัดทำคลังข้อสอบด้วย AI ซึ่งช่วยเสริมสร้างการเรียนการสอนที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ยังมีแผนการใช้ AI ยกระดับ PISA โดยสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) ได้ร่วมประชุมหารือเพื่อทำบันทึกความเข้าใจกับ SCB10X เกี่ยวกับแนวทางในการยกระดับ PISA 2025 ซึ่งการร่วมมือครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายในการใช้ข้อมูลการสอบ PISA จากหน่วยงานต่าง ๆ เช่น PISA-Like และ PISA STYLE เพื่อนำมาใช้ในการฝึกพัฒนา AI ให้สามารถเข้าใจข้อสอบได้ดีขึ้น การบูรณาการร่วมกันระหว่าง สพฐ. สสวท. และ สทศ. จะเป็นการดำเนินงานในระยะสั้น เพื่อเตรียมความพร้อมในการยกระดับคุณภาพการศึกษา ในขณะเดียวกันแผนระยะยาวจะมุ่งเน้นการจัดทำ MOU เพื่อเสริมสร้างและยกระดับคุณภาพผู้เรียนทั่วประเทศ โดยการใช้ AI และข้อมูลจากการสอบ PISA เพื่อยกระดับคุณภาพผู้เรียนทั้งประเทศ

การทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ปีการศึกษา 2567
รมว.ศธ. กล่าวว่า ขอให้นำข้อมูลที่ได้จากการทดสอบ O-NET มาวิเคราะห์อย่างละเอียด เพื่อการพัฒนาในทุกมิติ โดยต้องเข้าใจว่าเด็กแต่ละคนและแต่ละสถานศึกษามีความแตกต่างกัน ต้องทำอย่างไรให้นักเรียนเห็นความสำคัญของการสอบมากยิ่งขึ้นและทำให้กลายเป็นค่านิยมในสังคมการศึกษา ขอฝาก สมศ. ในการวิเคราะห์คุณภาพโรงเรียนและแข่งขันกับตัวเอง นอกจากนี้ยังขอให้โรงเรียนที่มีผลการเรียนดีในระดับประเทศเป็นต้นแบบในการพัฒนา เพื่อขยายผลการสอบ O-NET ไปยังโรงเรียนต่าง ๆ ทั่วประเทศ ซึ่งจะช่วยยกระดับคุณภาพการศึกษาในทุกพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ได้ประกาศผลสอบ O-NET ของชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ในวันที่ 11 มีนาคม 2568 และจะประกาศผลสอบของชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ในวันที่ 12 มีนาคม 2568 สำหรับปีการศึกษา 2567 นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมาได้มีการเผยแพร่ข้อสอบและเฉลยคำตอบ O-NET ของชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ปีการศึกษา 2567 เพื่อให้โรงเรียนและสถานศึกษานำไปใช้ในการวางแผนพัฒนาการศึกษาและเสริมสร้างคุณภาพการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อช่วยให้นักเรียนสามารถเตรียมตัวสำหรับการพัฒนาและการสอบในอนาคตได้ดียิ่งขึ้น

นอกจากนี้ยังมีการประกาศผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติด้านการศึกษานอกระบบโรงเรียน (N-NET) ครั้งที่ 2 ปีการศึกษา 2567 เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งผลการทดสอบนี้จะถูกใช้เป็นข้อมูลสำคัญในการประเมินและเทียบเคียงคุณภาพการศึกษา รวมถึงเป็นเครื่องมือในการวางแผนและยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษาในประเทศการทดสอบ N-NET เป็นการประเมินผลการเรียนรู้ของผู้ที่ศึกษาในระบบการศึกษานอกโรงเรียนและการศึกษาตามอัธยาศัย ซึ่งช่วยในการเทียบโอนผลการเรียนจากการศึกษาในระบบการศึกษา โดยสามารถนำผลการประเมินมาใช้ในการสนับสนุนการตัดสินใจในระดับนโยบายของประเทศ โดยค่าสถิติพื้นฐานจากผลการทดสอบ N-NET จะช่วยให้การวิเคราะห์และวางแผนพัฒนาการศึกษานอกระบบเป็นไปอย่างมีระบบ และสามารถปรับปรุงการศึกษาของประเทศได้อย่างต่อเนื่องเพื่อให้มีคุณภาพที่ดีขึ้น

การจัดการทดสอบวัดสมรรถนะทางด้านการวัดและประเมินผลการเรียนรู้และการทดสอบภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารในการทำงาน (Test of English Communication in the Workplace : TEC-W) ด้วยระบบดิจิทัล (Digital Testing) โดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อมอบของขวัญวันปีใหม่และวันครู พ.ศ. 2568 ตามนโยบายของ รมว.ศธ. ซึ่งได้ทำการทดสอบเมื่อวันเสาร์ที่ 8 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา การทดสอบในครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมทดสอบกว่าหมื่นคนจากสนามสอบทั่วประเทศ และจะประกาศผลสอบในวันที่ 21 มีนาคม 2568 ซึ่งเป็นโอกาสดีในการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษเพื่อการทำงาน ขอขอบคุณมหาวิทยาลัยราชภัฏต่าง ๆ ที่ได้ให้การสนับสนุนพื้นที่เป็นศูนย์ประสานงานจัดสอบและสนามสอบ รวมถึงขอขอบคุณบุคลากรทุกท่านที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดการทดสอบ

การเปิดรับสมัครอบรม “โครงการส่งเสริมการใช้ผลการทดสอบ O-NET ยกระดับการเรียนการสอน” การอบรมออนไลน์สำหรับโครงการส่งเสริมการใช้ผลการทดสอบ O-NET ไปช่วยขับเคลื่อนการยกระดับการเรียนการสอน ปีงบประมาณ 2568 เปิดรับสมัครจนถึงวันที่ 15 มีนาคม 2568 โดยกำหนดการอบรมในเดือนเมษายน 2568 รวม 4,267 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 7 มีนาคม 2568) โดยสามารถเลือกรอบการอบรมได้ดังนี้ รอบที่ 1 : วันจันทร์ที่ 31 มีนาคม 2568 (335 คน) รอบที่ 2 : วันอังคารที่ 8 เมษายน 2568 (2,696 คน) รอบที่ 3 : วันอังคารที่ 22 เมษายน 2568 (695 คน) รอบที่ 4 : วันอังคารที่ 29 เมษายน 2568 (541 คน) สำหรับสถานศึกษาหรือหน่วยงานที่ประสงค์อบรมในรูปแบบ On Site สามารถติดต่อสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน)

มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2568 ที่เกี่ยวข้องกับ ศธ.

รมว.ศธ. กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เสนอ อนุมัติวงเงิน 1.99 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือโรงเรียนเอกชนที่ประสบภัยพิบัติจากสถานการณ์อุทกภัยในจังหวัดยะลา สงขลา และนราธิวาส ระหว่างเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2565 และเหตุโกดังเก็บสินค้าดอกไม้เพลิงระเบิดที่ตำบลมูโนะ อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2566 ซึ่งส่งผลให้โรงเรียนเอกชนจำนวน 10 แห่งได้รับความเสียหายด้านอาคารสถานที่ การจัดการเรียนการสอน และมีผลกระทบต่อขวัญกำลังใจของนักเรียน ครู และบุคลากร ศธ.

โดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) พิจารณาเห็นควรให้การช่วยเหลือโดยการปรับปรุงซ่อมแซมอาคารเรียนและอาคารประกอบให้มั่นคง แข็งแรง ปลอดภัย และเพียงพอต่อการจัดการเรียนการสอน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ปกครอง โดยใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ภายใต้แผนงานยุทธศาสตร์พัฒนาคุณภาพการศึกษาและการเรียนรู้ โครงการบริหารจัดการศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ กิจกรรมส่งเสริมสนับสนุนคุณภาพการศึกษาเอกชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งนี้ คณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนได้มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2567 และ ศธ. ได้ดำเนินการกันเงินงบประมาณดังกล่าวไว้เบิกเหลื่อมปีเรียบร้อยแล้ว ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. 2562 และหลักเกณฑ์ว่าด้วยการโอนเงินจัดสรรหรือการเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร พ.ศ. 2562 ที่กำหนดให้มีการโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณภายใต้แผนงานและผลผลิตเดียวกันได้

การแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนหลุดออกจากระบบการศึกษาให้กลับเข้าสู่ระบบการศึกษา

รมว.ศธ. กล่าวว่า ขอให้เร่งติดตามการดำเนินงานในทุกจังหวัดให้ครบ 100% เพื่อที่จะสามารถนำผลการติดตามมาวิเคราะห์และช่วยเหลือเด็กได้อย่างเต็มที่ เพื่อให้เด็กทุกคนสามารถกลับเข้าสู่ระบบการศึกษาและได้รับโอกาสในการพัฒนา และผลการติดตามข้อมูลเด็กวัยเรียนที่อยู่นอกระบบการศึกษาภายในประเทศพบว่า สามารถนำเด็กกลับเข้าสู่ระบบการศึกษาได้ถึง 327,204 คน โดยมีจังหวัดที่ดำเนินการได้ครบ 100% จำนวน 42 จังหวัด และเด็กนอกระบบการศึกษาภาคบังคับ (อายุ 6 – 15 ปี) มีจังหวัดที่สามารถดำเนินการได้ครบ 100% จำนวน 51 จังหวัด และจะเร่งดำเนินการต่อไป

การรับนักเรียน นักศึกษา ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ประจำปี 2568

รมว.ศธ. กล่าวว่า ฝากมิติของการสื่อสารในการรับนักเรียน นักศึกษาของอาชีวศึกษา ทั้งในเรื่องหลักสูตรต่าง ๆ ที่มีเพิ่มขึ้นมา เพื่อให้สามารถเลือกเรียนได้ตามความต้องการและเหมาะสมกับผู้เรียน ซึ่งจะช่วยให้สามารถพัฒนาทักษะในสาขาที่ตรงกับความสนใจและความสามารถของตนเอง ให้ผู้เรียนและผู้ปกครองสามารถตัดสินใจเลือกเส้นทางการศึกษาที่เหมาะสม

สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ได้ประกาศปฏิทินการรับนักเรียน นักศึกษา สำหรับปีการศึกษา 2568 ซึ่งมีการพัฒนาหลักสูตรให้สอดคล้องกับความต้องการของประเทศ โดยนำนโยบายการพัฒนาอาชีวศึกษามาปรับใช้ในการดำเนินงาน โดยมีจุดมุ่งหมายในการพัฒนาระบบอาชีวศึกษาที่เข้าถึงคนทุกช่วงวัย (Vocational Education for All) รวมถึงการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาการหลุดออกนอกระบบการศึกษาในระดับอาชีวศึกษา (Vocational Education Zero Dropout) ซึ่งเป็นแนวทางสำคัญในการเพิ่มโอกาสการศึกษาและการฝึกทักษะสำหรับเยาวชน

การรับสมัครในปีนี้ยังคงเน้นการเพิ่มสัดส่วนผู้เรียนในระบบอาชีวศึกษาทวิภาคี ทั้งในระดับ ปวช. และ ปวส. โดยมุ่งเน้นการเรียนรู้ควบคู่กับการส่งเสริมให้มีรายได้ระหว่างเรียน (Learn to Earn) เพื่อสร้างโอกาสและเสริมทักษะให้กับนักเรียนในสายอาชีพ สถานศึกษาของรัฐจะมีการเปิดสาขาใหม่ที่ตรงกับความต้องการของประเทศ เพื่อให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาทักษะในสาขาที่มีความต้องการสูง นอกจากนี้ยังสนับสนุนสถาบันการศึกษาภาคเอกชนให้เปิดสาขาใหม่ตามศักยภาพและความพร้อมของแต่ละสถาบัน เพื่อให้มีทางเลือกที่หลากหลายและเข้าถึงการศึกษาด้านอาชีพที่เหมาะสม ส่งเสริมการใช้ธนาคารหน่วยกิต (Credit Bank) และ Up Skill ที่จะช่วยให้ผู้เรียนสามารถสะสมหน่วยกิตจากการเรียนรู้และฝึกทักษะต่าง ๆ เพื่อเพิ่มโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาตนเองต่อไป

ระบบการย้ายข้าราชการครู TRS

รมว.ศธ. กล่าวว่า ในขณะนี้ข้าราชการครูได้รับอนุมัติให้ย้ายใน 41 เขตพื้นที่ จำนวน 468 ราย มีข้าราชการครูจำนวนมากยื่นคำร้องขอย้ายผ่านระบบ อาจจะมีข้อขัดข้องและปัญหาบางประการ จึงขอฝากให้ทุกหน่วยงานติดตามดูแลแก้ไขปัญหาต่างๆ และนำข้อมูลเพื่อใช้ปรับปรุงพัฒนาระบบให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ขอความร่วมมือให้ทุกท่านช่วยกันขับเคลื่อนนำระบบ TRS มาใช้ในการย้ายครู สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม โปร่งใส และลดภาระครูและบุคลากรทางการศึกษา ตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการต่อไป

“ในมิติของการสื่อสาร โดยเฉพาะระบบหรือแนวทางใหม่ ๆ ที่อาจจะยังไม่เป็นที่รู้จัก ต้องสื่อสาร ประชาสัมพันธ์ไปยังครูและบุคลากรทางการศึกษาอย่างทั่วถึง ถึงแม้ว่าบางงานจะมีเจ้าภาพเพียงหนึ่งหน่วยงาน แต่ก็ขอให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันในการเผยแพร่ข้อมูลและให้ความร่วมมือในการสร้างความเข้าใจ สิ่งที่ดีให้บอกต่อกัน ส่วนสิ่งที่ยังต้องพัฒนา เราก็จะนำมาปรับปรุงเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการพัฒนาการศึกษาให้กับทุกคน”

อานนท์ วิชานนท์ / ข่าว-กราฟิก
อินทิรา บัวลอย / ภาพ
สมประสงค์ ชาหารเวียง / วีดิทัศน์

The post “เพิ่มพูน” ย้ำ MOE One Team เตรียมนำ AI หนุน PISA 2025 พร้อมขยายผล O-NET ทั่วประเทศ appeared first on กระทรวงศึกษาธิการ.

Share This Article

Related Post