เมื่อวันพุธ​ที่​ 7​ สิงหาคม​ 2567​/ พลตำรวจเอก​ เพิ่มพูน​ ชิด​ชอบ​ รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​ศึกษาธิการ​ เป็น​ประธาน​การประชุม​คณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ​ ครั้งที่ 8/2567​ ณ ห้องประชุมราชวัลลภ ชั้น 2 อาคารราชวัลลภ กระทรวงศึกษาธิการ

ฝ่ายเลขานุการ​ฯ​ รายงาน​เรื่องสืบเนื่องการติดตามข้อสั่งการการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ครั้งที่ 7/2567​ ดังนี้

1.​ สำนักงาน​ปลัด​กระทรวง​ศึกษาธิการ​ (สป.ศ​ธ.) มอบหมายให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ จัดทำข้อมูลรายละเอียดสถิติหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาเป็นระดับสี ได้แก่ สีแดง​ สีเหลือง สีเขียว สีขาว​ รวมทั้งสีดำ (ผู้ที่ไม่ให้ข้อมูล) และให้หน่วยงานดังกล่าวรายงานข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ (1) จำนวนครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ได้รับการแก้ไขปัญหา (2) วิธีการที่หน่วยงานได้ดำเนินการ​แก้ไขปัญหา และ (3) ปัญหาอุปสรรคในการดำเนินการ โดยให้รายงานข้อมูลมายัง​ สป.ศธ.​ ภายในวันที่ 30 ของทุกเดือน เพื่อที่จะได้รวบรวมและนำเสนอ​ รมว.ศธ.​ ต่อไป

นอกจากนี้​ ยังได้มอบให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน​ (สพฐ.)​ เป็นสถานีแก้หนี้ประจำจังหวัดโดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง​ เช่น กสร.จังหวัด อาชีวศึกษา​จังหวัด​ สถาบันการเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ โดยให้​ 1 จังหวัด มี 1 สถานีแก้หนี้​ และให้มีสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกลาง เป็น​ model นำร่อง​การแก้ปัญหา​หนี้ครู

2.​ สพฐ.​ ได้รวบรวมข้อมูล​ Infograpfic การสื่อสารสุขภาพจิตโรงเรียน​เชิงรวม แบ่งเป็นหมวดหมู่ต่าง​ ๆ​ เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ไปยังกลุ่มเป้าหมายทั้งส่วนกลาง ภูมิภาค และสถานศึกษา ทั้งในกลุ่มผู้บริหาร ครูและบุคลากรทางการศึกษา นักเรียน เครือข่ายผู้ปกครอง และภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องในช่องทางต่าง​ ๆ อาทิ FB ศธ. 360​ องศา​ กลุ่มไลน์ข่าว สพฐ.​ แฟนเพจ FB กลุ่มไลน์คณะทำงางานต่าง​ ๆ เครือข่ายครูแนะแนว มีผู้สนใจ และดาวน์โหลดนำไปใช้จำนวนมาก​

3.​ สำนัก​งานเลขาธิการ​สภาการศึกษา​ (สกศ.)​ ประเมินผลการไปดูงานที่ประเทศจีนสามารถนำมาต่อยอดขยายผลได้หรือไม่​ โดยได้วิเคราะห์การเทียบเคียงระบบคุณวุฒิของจีนกับกรอบคุณวุฒิอ้างอิงอาเซียน ในมิติที่คณะกรรมการกรอบคุณวุฒิอ้างอิงอาเซียนกำหนด​ (อยู่ระหว่างรอฝ่ายเลขานุการฯ จากสำนักเลขาธิการอาเซียน​จัดทำ) เพื่อจัดทำรายงานเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการกรอบคุณวุฒิอ้างอิงอาเซียนครั้งต่อไป

อีกทั้งได้นำข้อค้นพบจากการประชุมหารือความร่วมมือ​ และศึกษาดูงาน ณ​ สาธารณรัฐประชาชนจีน​ มาวางแผนการดำเนินงานในสถานศึกษาแต่ละระดับ​ พร้อม​ขยายผลความร่วมมือในการเทียบเคียงการศึกษาในระดับอาชีวศึกษา ผ่านการพัฒนาหลักสูตรทวิวุฒิ​ (เพิ่มจำนวนสาขาในระดับ ปวส. และขยายการพัฒนาหลักสูตรในระดับ ปวช.) ตลอดจนหารือความร่วมมือในการพัฒนาแพลตฟอร์มการเรียนรู้ที่ทันสมัย และสามารถเข้าถึงผู้เรียนได้ตามบริบทและความพร้อมของประเทศ

4.​ นายสิริพงศ์​ อังคสกุล​เกียรติ​ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ​ ร่วมกับปลัดกระทรวงศึกษาธิการ สำรวจการใช้ไฟฟ้าในสถานศึกษาทั้งระบบ โดยรวบรวมข้อมูลทุกสถานศึกษาในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา แยกเป็นรายเดือนว่า มีปริมาณการใช้ไฟฟ้าเท่าไร มีการใช้ไฟฟ้าจากการไฟฟ้าหรือมีระบบโซล่าเซลใช้เอง ปริมาณไฟฟ้าจากโซล่าเซลได้มีประสิทธิภาพหรือไม่ อย่างไรมีการดำเนินการตามมาตรการประหยัดค่าไฟฟ้าหรือไม่ เพื่อนำไปเป็นข้อมูลประกอบการเจรจาปรับราคาค่าไฟฟ้าที่เหมาะสมกับการไฟฟ้าต่อไป

โดยได้แต่งตั้งคณะกรรมการลดภาระค่าใช้จ่ายการใช้พลังงานและสาธารณูปโภคของกระทรวงศึกษาธิการมีผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ​ เป็นประธานกรรมการ​ จัดการประชุมคณะกรรมการฯ ไปแล้ว​ 4 ครั้ง สรุป​ผลการดำเนินงาน โดยได้จัดทำแบบสำรวจข้อมูลค่าใช้จ่ายการใช้พลังงานและสาธารณูปโภคของหน่วยงานและสถานศึกษาในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ 5 รายการ ประกอบด้วยค่าไฟฟ้าและ Solar Cell ค่าประปาและน้ำดื่ม ค่าโทรศัพท์ ค่าไปรษณีย์และค่าบริการสื่อสารและโทรคมนาคม ค่าบริการInternet​ จากนั้น​ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สป.​ นำข้อมูลจากการสำรวจเข้าระบบ (MS Power BI) และนำเสนอข้อมูลในภาพรวมด้วยรูปแบบ​ Dashboard จำแนกข้อมูลตามหน่วยงาน/สถานศึกษารายเดือน/ปี (ข้อมูลย้อนหลัง 3 ปี) และรายจังหวัดขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการปรับปรุงข้อมูลให้มีความถูกต้องและครบถ้วน

ขณะเดียวกัน​ได้ศึกษาแนวทางการดำเนินงานของหน่วยงาน/สถานศึกษาที่มีการติดตั้งระบบ Solar Cell เพื่อพิจารณากำหนดแนวทาง/แก้ไขปัญหาอุปสรรคในการดำเนินงาน รวมทั้งสร้างความร่วมมือกับภาคเอกชนให้เข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินงานซึ่ง​ขณะนี้ สำนักนิติการ สป. อยู่ระหว่างดำเนินการจัดทำร่างสัญญาการดำเนินงานในการติดตั้งระบบ Solar Cell เพื่อให้หน่วยงาน/สถานศึกษานำไปใช้ในการดำเนินงานต่อไป

5.​ คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการจัดการศึกษาเพื่อรองรับวิสัยทัศน์ การพัฒนาประเทศ “IGNITE THAILAND” ของกระทรวงศึกษาธิการ​ ดำเนินการปรับกระบวนการเรียนการสอนพัฒนาและยกระดับทักษะการผลิตกำลังคนให้ตรงตามความต้องการของอุตสาหกรรมทั้ง 8 ด้าน​ โดยสำนักงาน​คณะกรรมการ​การ​อาชีวศึกษา​ (สอศ.)​ ได้วิเคราะห์ช่องว่างระหว่างความต้องการกำลังคนภาคประกอบการ และการผลิตกำลังคนสถานศึกษา เพื่อกำหนดกลยุทธ์ ความต้องการกำลังคนของอุตสาหกรรมทั้ง 8​ ด้าน Matching กับการผลิตและพัฒนากำลังคนภาคสถานศึกษาที่จัดการศึกษา (แผนการดำเนินงาน 15 – 31 กรกฎาคม 2567​)

รวมทั้ง​พัฒนาหลักสูตรระยะสั้น Micro-Credentials จำนวน 20 หลักสูตร เพื่อสะสมหน่วยกิตการเรียนรู้ของผู้เรียน ตามอุตสาหกรรมทั้ง 8 ด้าน (แผนการจัดประชุม​ 2 – 4 กันยายน 2567) และจัดทำแผนยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนการจัดการศึกษาและแผนผลิตและพัฒนากำลังคน เพื่อรองรับวิสัยทัศน์การพัฒนาประเทศ “IGNITETHAILAND” ของกระทรวงศึกษาธิการ โดยจะได้แผนยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนการจัดการศึกษา จำนวน 1 ฉบับและแผนการผลิตและพัฒนากำลังคน 8 ด้าน

จากนั้นที่ประชุมรายงานความก้าวหน้าในการดำเนินงานขับเคลื่อนนโยบายการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ประกอบด้วย คณะกรรมการขับเคลื่อนโยบายการแก้ไขปัญหาหนี้สินครู และบุคลากรทางการศึกษา, คณะอนุกรรมการพัฒนาระบบการศึกษา “เรียนได้ทุกที่ทุกเวลา” (Anywhere Anytime) จัดทำแพลตฟอร์ม และพัฒนาระบบบแนะแนวการเรียน (Coaching) และเป้าหมายชีวิต, คณะอนุกรรมการจัดทำระบบวัดผลรับรองมาตรฐานวิชาชีพ (Skill Certificate) และส่งเสริมการมีรายได้ระหว่างเรียน (Learn to Earn), คณะอนุกรรมการจัดทำระบบการวัดผล เทียบระดับการศึกษา ประเมินผลการศึกษา และธนาคารเครดิตแห่งชาติ, คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนกฎหมายการศึกษา และคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการจัดการศึกษาเพื่อรองรับวิสัยทัศน์ การพัฒนาประเทศ “IGNITE THAILAND” ของกระทรวงศึกษาธิการ

รมว.ศธ. กล่าวว่า ขอบคุณทุกหน่วยงานที่ช่วยกันขับเคลื่อนงานทุกระยะจนเกิดผลเป็นรูปธรรม ทั้งนี้อยากฝากหลักคิดในการทำงาน คือ “รู้เขา รู้เรา” ซึ่งในภาพรวมตอนนี้เรายังรู้ไม่สมบูรณ์ อาจจะต้องลงรายละเอียดเชิงปฏิบัติให้มากขึ้น เพื่อนำข้อมูลที่ถูกต้องและดีที่สุดมาวางแผนขับเคลื่อนงานกันต่อไป

ปารัชญ์ ไชยเวช/ข่าว
พีรณัช ยุชยะทัต/ถ่ายภาพ

The post ‘เพิ่มพูน’ ฝากบอร์ดขับเคลื่อนนโยบายการศึกษาฯ “รู้เขา รู้เรา” ลงรายละเอียดงานให้สมบูรณ์ appeared first on กระทรวงศึกษาธิการ.

Share This Article

Related Post