กระทรวงศึกษาธิการ – 24 กุมภาพันธ์ 2568 นายธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน พร้อมด้วยนายพลรพี ทุมมาพันธ์ รองเลขาธิการคุรุสภารับเรื่องร้องเรียนจากนายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ “กัน จอมพลัง” ที่ผู้ปกครอง ครู และนักเรียนโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดอุทัยธานี ขอให้ตรวจสอบกรณีชายแต่งตัวคล้ายครูมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม สวมหน้ากากถ่ายภาพและคลิปลามกถอดเครื่องแบบเหลือเพียงเสื้อผ้าน้อยชิ้นในห้องเรียนและสถานที่ต่าง ๆ ภายในโรงเรียนลงในกลุ่มลับโซเซียล อีกทั้ง ผอ.ยังออกมาพูดหน้าเสาธงว่าไม่ให้เอาเรื่องไปบอกต่อเกรงว่าจะกระทบชื่อเสียงทำให้นักเรียนและครูรู้สึกไม่สบายใจ

นายธีร์ ภวังคนันท์ กล่าวว่า สพฐ.ไม่ได้นิ่งนอนใจและจะติดตามตรวจสอบอย่างเต็มที่ และจากการตรวจสอบล่าสุดทราบว่าเป็นข้าราชการครู โดยได้ประสานให้ส่งตัวครูคนดังกล่าวมาปฏิบัติหน้าที่ที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาแล้ว รวมถึงได้ให้ตั้งกรรมการสืบข้อเท็จวันนี้ทันที โดยมีมาตรการทางปกครองและทางวินัย เพื่อทำให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายมากที่สุด หากกรณีนี้พบว่าผิดวินัยร้ายแรงจริงจะได้รับโทษถึงขั้นไล่ออกจากราชการ เบื้องต้นคาดว่าจะใช่เวลาในการสืบสวนข้อเท็จจริงไม่เกิน 7 วัน ส่วนการลงโทษทางวินัยนั้นต้องเป็นไปตามข้อเท็จจริงต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

สำหรับประเด็น ผอ.โรงเรียน ที่ได้รับทราบว่ามีการพูดในลักษณะเชิงข่มขู่หรือเห็นเหตุการแล้วไม่ดำเนินการใด อาจจะต้องทบทวนเรื่องการทำงานเพราะความปลอดภัยของเด็กต้องสำคัญกว่าชื่อเสียงโรงเรียน ส่วนเรื่องนักเรียนที่ถูกข่มขู่ว่าถ้าเอาเรื่องไปบอกคนอื่นอาจจะเดือดร้อนได้กำชับไปที่เขตพื้นที่และย้ำว่าไม่ให้มีการปกปิดข้อมูลใดใดขอให้นักเรียนสบายใจว่า สพฐ.และเขตพื้นที่การศึกษาทำงานกับโรงเรียนอย่างละเอียดรอบคอบและคำนึงถึงความปลอดภัยของเด็กอย่างแน่นอน และจะติดตามทุกกรณีอย่างใกล้ชิดและเต็มที่

“ขอให้สบายใจว่านี่คือการประสานงานที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ ได้กำชับและสั่งการเร่งด่วน ขอให้มั่นใจว่าไม่ได้ห่วงชื่อเสียงมากกว่าความปลอดภัยของเด็ก สพฐ.ทำงานอย่างรวดเร็วและชัดเจน สำหรับการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงไม่เกิน 7 วันรู้ผลแน่นอน และจะมีรายงานความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องหากประเด็นยังไม่ชัดเจน” รองเลขาธิการ กพฐ. กล่าว

นายพลรพี ทุมมาพันธ์ รองเลขาธิการคุรุสภา กล่าวเพิ่มเติมว่า สำนักงานเลขาธิการคุรุสภาได้ทราบเรื่องจากพฤติกรรมดังกล่าวและรับเรื่องเข้าสู่กระบวนการพิจารณาเกี่ยวกับจรรยาบรรณวิชาชีพครูแล้ว หากว่ามีการประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพโทษร้ายแรงขั้นสูงสุดคือการเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ในกรณีนี้จะต้องพิจารณาว่าการประพฤติผิดดังกล่าวผิดข้อใด ซึ่งเรื่องที่ครอบคลุมคือเรื่องจรรยาบรรณต่อตนเองโดยเฉพาะในการเป็นแบบอย่างที่ดี ขอเรียนให้ทราบว่ากระบวนการดำเนินงานในปัจจุบันนี้เป็นไปด้วยความรวดเร็วและเคร่งครัดมากที่สุด

พบพร ผดุงพล / ข่าว , กราฟิก
ธนภัทร จันทร์ห้างหว้า / ภาพ

Share This Article

Related Post