26​ มีนาคม​ 2567 ​/ พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ​ (รมว.ศธ.)​ เป็น​ประธาน​การประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง​ “โครงการการปรับปรุงคุณภาพและการใช้ประโยชน์จากข้อมูลทางการศึกษา ในหัวข้อ การใช้ PISA ในทางปฏิบัติ​ : พลังของข้อมูลเพื่อการปรับปรุงการศึกษา – การเชื่อมโยงผลจาก PISA กับการปฏิรูประบบการศึกษา” ณ โรงแรมพูลแมน คิงเพาเวอร์ กรุงเทพฯ​

โดยมี​ Mr.Andreas Schleicher ผ​อ.ฝ่ายการศึกษาและทักษะ องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา, นายอรรถพล สังขวาสี เลขาธิการสภาการศึกษา, นางคยองชอน คิม ผู้แทนองค์การยูนิเซฟ ประจำประเทศไทย, ​Mr. Yorihisa Oneda (First Secretary of the Permanent Delegationof Japan to the OECD) และผู้เชี่ยวชาญจากประเทศสมาชิก OECD ที่ประสบความสำเร็จในการยกระดับผลการทดสอบ PISA มาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงศึกษาธิการ ผู้แทนจากองค์กรหลัก และผู้แทนจากหน่วยงานด้านการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับการทดสอบ PISA ทุกภาคส่วน รวมทั้งสิ้น 20 หน่วยงาน

พล.ต.อ.เพิ่มพูน​ ชิด​ชอบ​ รมว.ศธ.​ กล่าวขอบคุณ​ทุกฝ่าย​ที่ได้ตระหนักถึงวาระแห่งชาติ​ ว่าด้วยการยกระดับความสามารถในการอ่าน คำนวณ และวิเคราะห์ของผู้เรียนไทยที่จบจากการศึกษาภาคบังคับ โดยใช้มาตรฐานสากลในการวิเคราะห์สัมฤทธิ์ผลในการเรียนรู้ โดยเฉพาะการเข้าร่วมโครงการประเมินสมรรถนะนักเรียนมาตรฐานสากล หรือ PISA ซึ่งสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.)เป็นผู้ดำเนินการ ภายใต้คณะกรรมการ PISA แห่งชาติ​ และได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “​การสร้างไม้บรรทัดวัดสมรรถนะเด็กไทยบนเวทีระดับโลกเป็นงานยาก ต้องอาศัยการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน โดยเฉพาะพ่อ แม่ผู้ปกครอง ครู โรงเรียน และที่สำคัญที่สุด คือ ผู้เรียน ในการสะท้อนสิ่งที่ตัวเองเรียนรู้จากโรงเรียนและสังคมเมื่อจบการศึกษาระดับมัธยมศึกษา”

บทเรียนจากการทดสอบ PISA มี 2 ประเด็น​ที่สะท้อนให้เห็น คือ 1) เราเตรียมความพร้อมผู้เรียนตั้งแต่ระดับปฐมวัยจนถึงระดับประถมศึกษาได้พร้อมหรือไม่ และ 2) ผู้เรียนที่ผ่านการทดสอบในแต่ละช่วง​ จะมีความพร้อมเพียงใดในการเข้าสู่ระดับอุดมศึกษา หรือตลาดแรงงาน ในฐานะทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพ​ ส่งผลถึงสมรรถะในการแข่งขันของประเทศ

รมว.ศธ.​ กล่าวต่อไปว่า​ จากผลการทดสอบ PISA 2023 พบว่าสมรรถนะการเรียนรู้ของเด็กไทยถดถอยกว่าช่วงที่ผ่านมา​ และมีการพูดคุย​ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร จึงอยากชวนทุกท่านให้คิดและค้นหาสาเหตุร่วมกันว่า​ เหตุใดเด็กไทยจึงมีสมรรถนะการเรียนรู้ที่แตกต่างจากเด็กในวัยเดียวกัน ทั้งในระดับโลกและระดับภูมิภาค​ อาทิ เป็นไปได้หรือไม่ที่เด็กไทยมีความเสื่อมถอยในการเรียนรู้สืบเนื่องมาจาก COVID-19 ซึ่งเด็กไทยยังไม่สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีในการส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต​ หรือแท้จริงแล้วเด็กไทยประสบปัญหาในการคิดวิเคราะห์ เพราะการด้อยความสามารถในการอ่านข้อสอบ​ เป็น​ต้น

“หากเราสามารถ​ปรับเปลี่ยนกระบวนการจัดการเรียนรู้ทั้งระบบ เช่น ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในเกาหลีใต้ เอสโตเนีย​ และสิงคโปร์ โดยนำมาปรับใช้ให้เข้ากับสภาพแวดล้อมทางการเรียนรู้ของไทย เชื่อว่าการร่วมมือของทุกฝ่ายในที่นี้ และแรงสนับสนุนขององค์กรระดับนานาชาติ จะเป็นแสงสว่างทางความคิดในการขับเคลื่อนการดำเนินงานของเราให้สำเร็จในการประเมิน PISA2025” รมว.ศธ.​ กล่าว

 

นายอรรถ​พล​ สังขวาสี​ เลขาธิการ​สภา​การศึกษา​ กล่าวว่า​ การประเมิน PISA จะเน้นสมรรถนะของนักเรียนเกี่ยวกับการใช้ความรู้และทักษะในชีวิตจริงมากกว่าการเรียนรู้ตามหลักสูตรในโรงเรียน​ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในการประเมินสำคัญที่ประเทศไทยให้ความสนใจ​ กระทรวงศึกษาธิการจึง​ได้มีการลงนามความร่วมมือในการพัฒนาคุณภาพการศึกษากับองค์กรเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) โดยมีเป้าหมายสำคัญในการพัฒนาแนวคิดการใช้ประโยชน์จากข้อมูลทางการศึกษาและผลการประเมินทางการศึกษาในระดับนานาชาติมาใช้ในการวางแผนและกำหนดนโยบายทางการศึกษาของประเทศต่อไป

#กระทรวงศึกษาธิการ #เรียนดีมีความสุข #PISA2025 #OECD #UNICEF

ปา​รัช​ญ์​ ไชย​เวช​/ข่าว
ศุภณัฐ​ วัฒนมงคล​ลาภ​/ถ่ายภาพ​
กองเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ

The post ศธ.ร่วมหารือนานาชาติเพื่อยกระดับผลสอบ PISA รมว.ศธ. ‘เพิ่มพูน’ มั่นใจฝีมือทุกฝ่ายดึงคะแนน PISA2025 ขึ้นได้แน่นอน appeared first on กระทรวงศึกษาธิการ.

Share This Article

Related Post