รองปลัด ศธ. “พิเช
17 มกราคม 2568 / นายพิเชฐ ...
รมว.ศธ. “เพิ่มพูน” เป็นประธานการประชุมประสานภารกิจ ครั้งที่ 7/2568 กำหนดแผนและมาตรการรับมือป้องกันปัญหาบุหรี่ไฟฟ้า คาดโทษทางวินัยกับบุคลากรในสังกัดที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเยาวชนไทย วางแนวทางการแก้ไขปัญหาการใช้ความรุนแรงในเยาวชน ใช้การแนะแนวและจิตวิทยาเด็กมาช่วยเสริม เผยความก้าวหน้าการขยายผลการอบรมการสร้างและพัฒนาข้อสอบ โดยการใช้องค์ความรู้จาก PISA มีผู้ผ่านอบรมแล้วกว่า 1.5 แสนคน เร่งแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนหลุดออกจากระบบการศึกษาให้กลับเข้าสู่ระบบการศึกษาอย่างต่อเนื่อง พร้อมผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวะสมรรถนะสูงเพื่อรองรับอัตรากำลังที่ขาดแคลน ตามความต้องการของตลาดแรงงาน ตลอดจนเผยผลสำรวจนิด้าโพล กระทรวงศึกษาธิการ สร้างความพึงพอใจในการดำเนินงานให้ประชาชนไทย เป็นอันดับที่ 2 ของทุกกระทรวง
5 มีนาคม 2568 / พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุมประสานภารกิจ ครั้งที่ 7/2568 ณ ห้องประชุมราชวัลลภ และผ่านระบบ e-Meeting
ภายหลังการประชุม รมว.ศธ. พร้อมด้วยนายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รมช.ศธ., นายวิศรุต ปู่เพ็ง ที่ปรึกษา รมช.ศธ., นายพิษณุ พลธี เลขานุการ รมช.ศธ., นายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัด ศธ., นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการ กอศ., นายประวิต เอราวรรณ์ เลขาธิการ สกศ. และนายพัฒนะ พัฒนะทวีดล รองเลขาธิการ กพฐ., แถลงข่าว ณ ห้องแถลงข่าว
รมว.ศธ. กล่าวว่า สถานการณ์ปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงของสภาวะแวดล้อมและภาพอากาศ ขอให้บุคลากรทุกคนใส่ใจดูแลรักษาสุขภาพของตนเองและให้ความสำคัญกับมาตรการเชิงป้องกัน เพื่อเสริมสร้างสุขภาวะที่ดีในระยะยาว ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการมี “โรงพยาบาลครู” พร้อมให้บริการด้านสุขภาพแก่บุคลากร จึงขอให้ทุกคนตรวจสอบสิทธิการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาล รวมถึงการจ่ายค่ารักษาพยาบาลส่วนต่างเพื่อให้สามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สรุปสาระสำคัญจากการประชุม ดังนี้
แผนและมาตรการเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าของกระทรวงศึกษาธิการ
รมว.ศธ. กล่าว่า ปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าและยาเสพติดเป็นปัญหาสำคัญที่กระทบต่อสุขภาพและพฤติกรรมของนักเรียนและนักศึกษา ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการเรียนและการพัฒนาในอนาคตของเยาวชน กระทรวงศึกษาธิการจึงได้จัดทำแผนการดำเนินงานเพื่อรับมือกับปัญหาดังกล่าว โดยจะใช้มาตรการทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวในการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง
ที่ประชุมมีมติเห็นชอบแผนและมาตรการเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าของกระทรวงศึกษาธิการ และให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการฯ ดำเนินการปรับปรุงแผนฯ ให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น พร้อมมอบหมายสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการ ซึ่งแผนการดำเนินงานจะมี 3 ระยะ คือ แผนการดำเนินงาน “ระยะสั้น” การป้องกันและแก้ไขปัญหาเร่งด่วน มุ่งเป้าหมายในการป้องกันและลดการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในนักเรียนและนักศึกษา โดยการประชุมและสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน เพื่อการวางแผนบริหารจัดการคุณภาพ การกำหนดเขตปลอดบุหรี่ไฟฟ้า และการบูรณาการการเรียนการสอนเพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึงพิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้า รวมทั้งการแก้ไขกฎกระทรวงเกี่ยวกับพฤติกรรมของนักเรียน การประชาสัมพันธ์ผ่านโซเชียลมีเดีย การพัฒนาบุคลากรด้านการศึกษา และการบูรณาการกับหน่วยงานภายนอกเพื่อควบคุมการใช้บุหรี่ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์เสพติดอื่น ๆ เพื่อให้สถานศึกษาปลอดบุหรี่ไฟฟ้าและสร้างความตระหนักรู้ในกลุ่มนักเรียน
“ระยะกลาง” เพื่อการสร้างแนวปฏิบัติเพื่อการขยายผล เน้นการสร้างเครือข่ายและการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน โดยใช้เทคนิค “เพื่อนเตือนเพื่อน” ผ่านกิจกรรมของสภานักเรียนและการสร้างแกนนำเยาวชนเพื่อลดการใช้บุหรี่ไฟฟ้า การประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อจัดกิจกรรมและสัมมนาในชุมชนท้องถิ่น ปรับปรุงหลักสูตรอบรมพนักงานส่งเสริมความประพฤติให้สอดคล้องกับการป้องกันบุหรี่ไฟฟ้าและการบูรณาการกับกระทรวงการพัฒนาสังคมเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งของสถาบันครอบครัว และ “ระยะยาว” มุ่งเน้นการปลูกฝังให้นักเรียนและนักศึกษาตระหนักถึงอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้า ทั้งด้านกฎหมายและสุขภาพ การเสริมบทบาทของพนักงานส่งเสริมความประพฤติในการเฝ้าระวังและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับปัญหาบุหรี่ไฟฟ้า นอกจากนี้ยังมีการส่งเสริมการต่อต้านยาเสพติดและให้ความรู้แก่ผู้ปกครองและชุมชนในการต่อต้านพิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้า รวมถึงการปรับปรุงกฎหมายให้ข้าราชการในสังกัดมีอำนาจในการตรวจค้นและทำลายบุหรี่ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยสำหรับนักเรียนและนักศึกษา ทั้งนี้ได้มีการคาดโทษทางวินัยกับบุคลากรในสังกัดที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า เน้นย้ำให้ทุกคนต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับนักเรียน นักศึกษา ได้ภาคภูมิใจ
มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2568 ที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงศึกษาธิการ
รมว.ศธ. กล่าวว่า สำหรับการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันจันทร์ที่ 3 มีนาคม ที่ผ่านมา มีวาระสำคัญที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงศึกษาธิการใน 2 เรื่องหลักคือ การพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาการใช้ความรุนแรงในเยาวชน และการทบทวนระบบบริหารจัดการนมโรงเรียน ซึ่งสำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาการใช้ความรุนแรงในเยาวชน คณะรัฐมนตรีรับทราบผลการพิจารณาญัตติด่วนเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดย ศธ. ได้เสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาผ่านการจัดการเรียนการสอนในรายวิชาแนะแนว ซึ่งครอบคลุมทั้งด้านการศึกษา การอาชีพ และการพัฒนาสังคม เพื่อเสริมสร้างลักษณะนิสัยที่ดีในนักเรียน รวมทั้งการฝึกอบรมครูในรูปแบบออนไลน์และออนไซต์ เพื่อให้ครูมีทักษะด้านจิตวิทยาเด็กและทักษะการวิเคราะห์ที่ช่วยเหลือนักเรียนอย่างเป็นระบบ นอกจากนี้ยังได้มีการร่วมมือกับสถานศึกษาในการพัฒนาเครือข่ายป้องกันปัญหาพฤติกรรมเยาวชน และการบำบัดฟื้นฟูเด็กและเยาวชนที่มีพฤติกรรมปัญหาด้วยเทคนิคการปรับพฤติกรรม เพื่อช่วยให้เด็กและเยาวชนกลับคืนสู่สังคมได้อย่างปกติสุข
ในส่วนของการทบทวนระบบบริหารจัดการนมโรงเรียน คณะรัฐมนตรีได้พิจารณาและเห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2562 เกี่ยวกับระบบบริหารจัดการนมโรงเรียน โดยอนุมัติให้มีการทบทวนการจัดสรรสิทธิและปรับกลุ่มพื้นที่ในการขนส่งนมโรงเรียน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่งและลดต้นทุนค่าขนส่ง การเปลี่ยนแปลงการแบ่งกลุ่มพื้นที่จาก 5 เขตเป็น 7 เขต จะช่วยลดระยะทางในการขนส่งนมโรงเรียนจาก 1,191 กิโลเมตร เหลือเพียง 505 กิโลเมตร โดยเฉพาะในเขตภาคใต้ ซึ่งจะช่วยให้การดำเนินโครงการนมโรงเรียนมีความยั่งยืนและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งสองเรื่องนี้เป็นการมุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพการศึกษา การดูแลเด็กและเยาวชน รวมถึงการปรับปรุงระบบการขนส่งและการจัดการในโครงการนมโรงเรียน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและความยั่งยืนในระยะยาว
การขับเคลื่อนเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษา PISA
รมว.ศธ. กล่าวว่า ศธ. ได้มีการประชุมหารือการยกระดับคุณภาพการศึกษา โดยการใช้องค์ความรู้จาก PISA ซึ่งที่ประชุมได้เห็นชอบข้อเสนอแนะเชิงนโยบายและมาตรการสำคัญในหลายด้าน อาทิ การพัฒนาระบบ Early Warning การพัฒนาการศึกษาให้มีประสิทธิภาพ การทดสอบมาตรฐานระดับชาติ (National Standard Test) และการจัดการข้อมูลเพื่อการวางแผนทางการศึกษาผ่านระบบฐานข้อมูลที่เชื่อมโยงข้อมูลทุกมิติ ตั้งแต่ระดับปฐมวัยจนถึงระดับอุดมศึกษา (Natural Education Database) ซึ่งจะช่วยให้สามารถวิเคราะห์และติดตามผลการศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังมีการนำร่องการใช้ AI ในการทำแบบทดสอบและการนำ Generative AI มาสร้าง Application เพื่อวัดความรู้ความสามารถของนักเรียนก่อนการสอบ PISA ซึ่ง สกศ. จะดำเนินการและนำเสนอในที่ประชุมต่อไป
สำหรับความก้าวหน้าการขยายผลการอบรมการสร้างและพัฒนาข้อสอบในระดับเขตพื้นที่ พบว่าในขณะนี้มีผู้ลงทะเบียนกว่า 300,000 คน ซึ่งใกล้จะบรรลุเป้าหมาย 445,624 คน และมีมากกว่า 200 เขตพื้นที่ที่เข้าอบรมแล้วครบ 100% ขณะนี้ สพฐ. มีการมอบรางวัลในบางเขตพื้นที่ และบางเขตพื้นที่อยู่ระหว่างการพิจารณาคัดเลือกผลงานของผู้บริหารที่มีการบริหารจัดการในการขยายผลในระดับเขตพื้นที่ได้ประสบผลสำเร็จ เพื่อเสนอแก่ รมว.ศธ. เพื่อยกย่องและมอบรางวัลเป็นขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน
นอกจากนี้ยังมีการขยายผลการอบรมการสร้างและพัฒนาข้อสอบฯ ในระดับเขตพื้นที่ ในมิติของผลผลิต (Outputs) เพื่อให้เกิดเป็นผลลัพธ์ (Outcome) และผลกระทบ (Impact) ที่เป็นรูปธรรม สำหรับผู้ที่ผ่านการอบรมแล้วกว่า 147,794 คน เพื่อนำไปใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในห้องเรียน การสร้างแบบวัดผลกลางภาคและปลายภาค การนำข้อสอบไปสร้างเป็นแบบฝึกหัดนักเรียน หรือการประยุกต์ใช้กับ Gamification ตามความสนใจของนักเรียน เพื่อเสริมทักษะให้กับนักเรียนในวิชาเรียนที่สนใจและมีผลต่อการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ในด้านต่าง ๆ โดยในเดือนพฤษภาคมถึงสิงหาคมนี้ ยังมีกิจกรรมการสอนเสริม “เพิ่มพูน” เพื่อเสริมสมรรถนะความฉลาดรู้ของนักเรียนในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 2 – 4 ซึ่งสามารถติดตามได้ทางช่องทาง YouTube Facebook หรือเว็บไซต์ OBEC.TV เพื่อเตรียมความพร้อมในการพัฒนาทักษะต่อไป
การทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET)
รมว.ศธ. กล่าวว่า การทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) สำหรับปีการศึกษา 2567 ที่ผ่านมานั้น ได้ดำเนินการทดสอบในระดับชั้น ป.6 ม.3 และ ม.6 ในมิติของการดำเนินการนั้นขอให้นำการทดสอบ O-NET ไปใช้ในการประเมินคุณภาพการศึกษาทั้งในระดับโรงเรียนและระดับประเทศ เพื่อยกระดับการจัดการศึกษาโดยเฉพาะในด้านการพัฒนาหลักสูตร การจัดการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียน และการวางแผนการศึกษาระยะยาวที่มีประสิทธิภาพ
มิติของการบริหารจัดการ กระทรวงศึกษาธิการจะใช้ข้อมูลจากการทดสอบ O-NET ในการวิเคราะห์จุดแข็งและจุดที่ต้องพัฒนาในแต่ละโรงเรียน เพื่อกำหนดแนวทางการส่งเสริมคุณภาพการเรียนรู้ที่เหมาะสม นอกจากนี้ยังมีการบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดทำฐานข้อมูลผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการติดตามและประเมินผล ซึ่งทุกหน่วยงานต้องร่วมมือกันเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ในการดำเนินงาน
สำหรับการทดสอบทั้งในรูปแบบกระดาษ (Paper Pencil) และดิจิทัล (Digital Testing) การนำเทคโนโลยีมาใช้ในการทดสอบถือเป็นสิ่งที่ดี และมีประโยชน์ในแง่ของการอำนวยความสะดวก การพัฒนาทักษะด้านดิจิทัล แม้ว่าจะเป็นการทดลองใช้งานในบางพื้นที่ แต่จากที่ผ่านมาพบว่าเป็นความท้าทายที่ต้องเร่งพัฒนาและปรับปรุงในหลายด้าน โดยเฉพาะในเรื่องของความพร้อมทางด้านเทคโนโลยี อุปกรณ์ คอมพิวเตอร์ และความสามารถในการจัดการการสอบรูปแบบใหม่ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานในบางพื้นที่ที่ยังขาดความพร้อม
การแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนหลุดออกจากระบบการศึกษาให้กลับเข้าสู่ระบบการศึกษา
รมว.ศธ. กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการตั้งเป้าหมายที่จะลดจำนวนเด็กที่หลุดออกจากระบบการศึกษาให้เป็นศูนย์ ซึ่งถือเป็นความท้าทายที่สำคัญ ขณะนี้อยู่ในช่วงการสอบปลายภาคเรียนปีการศึกษา 2567 จึงต้องดำเนินการการค้นหาติดตามและดึงเด็กที่หลุดออกจากระบบกลับเข้าสู่ระบบการศึกษาให้ได้มากที่สุดให้ทันก่อนการเปิดภาคเรียนในปีการศึกษา 2568 พร้อมกับการดำเนินการให้เด็กยังอยู่ในระบบการศึกษาอย่างต่อเนื่อง โดยมีการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการตรวจสอบข้อมูลนักเรียนในระบบการศึกษาภาคบังคับ รวมทั้งการใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือต่าง ๆ ในการค้นหากลุ่มเด็กที่อาจหลุดออกจากระบบ อาทิ เด็กที่ไม่มีการรายงานตัวหรือเด็กที่มีปัญหาด้านการเรียนรู้ รวมทั้งการพัฒนามาตรการให้ความช่วยเหลือเพื่อให้เด็กสามารถกลับเข้าสู่ระบบการศึกษาได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้กระทรวงศึกษาธิการยังคงดำเนินการให้เด็กยังอยู่ในระบบการศึกษา โดยจะเสริมสร้างความร่วมมือกับผู้ปกครอง ครู และชุมชน เพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ของเด็กอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการให้ข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิทางการศึกษาและการสนับสนุนตามความต้องการอย่างเหมาะสม เพื่อให้เด็กทุกคนมีโอกาสได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียม โดยต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
ผลสำรวจความพึงพอใจของประชาชนต่อการทำงานของรัฐบาล รอบ 6 เดือน ของนิด้าโพล
รมว.ศธ. กล่าวว่า ผลการสำรวจความพึงพอใจนี้สะท้อนถึงการทำงานที่ทุ่มเทและร่วมมือกันของทุกหน่วยงาน ซึ่งถือเป็นมิติสำคัญในการประเมินผลการทำงานของกระทรวงศึกษาธิการ และยังเป็นภาพสะท้อนของความพยายามในการปฏิบัติหน้าที่โดยเต็มกำลังความสามารถของทุกฝ่าย โดยหวังว่าต่อจากนี้ไป ศธ. จะมีคะแนนประเมินมากกว่า 50% ความคิดเห็นของประชาชนต่อการทำงานของกระทรวงศึกษาธิการและรัฐบาล จะเป็นข้อมูลสำคัญในการประเมินผลการทำงานในมุมมองของประชาชน เพื่อนำไปปรับปรุงและพัฒนานโยบายต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
การสำรวจของนิด้าโพล เป็นการสำรวจเกี่ยวกับความพึงพอใจในการทำงานของรัฐบาลภายใต้การนำของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน โดยทำการสำรวจในระหว่างวันที่ 24 – 26 กุมภาพันธ์ 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และมีการกระจายตัวอย่างไปตามทุกภูมิภาคของประเทศ พบว่ากระทรวงศึกษาธิการ เป็นกระทรวงที่ได้รับคะแนนในระดับค่อนข้างพอใจ 35.04% พอใจมาก 12.29% รวมเท่ากับ 47.33% เป็นอันดับที่ 2 ของทุกกระทรวง
การเตรียมการในการอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ
รมว.ศธ. กล่าวว่า การอภิปรายทั่วไปฯ ในครั้งนี้ ในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการ กำลังได้รับความสนใจจากสาธารณชน เนื่องจากเป็นกระทรวงที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาการศึกษาของประเทศ ขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสื่อสารการดำเนินงานในภาพรวมของกระทรวงศึกษาธิการให้ชัดเจน และสื่อสารเพื่อสร้างการรับรู้ต่อสังคม เพื่อให้เห็นการดำเนินงานในแต่ละด้าน ทั้งด้านการพัฒนาการศึกษา การปรับปรุงคุณภาพการเรียนการสอน และการสร้างโอกาสทางการศึกษา การลดความเหลื่อมล้ำและนโยบายต่าง ๆ การอภิปรายในครั้งนี้จะเป็นโอกาสที่ดีในการชี้แจงข้อเท็จจริงและแสดงความโปร่งใสในการทำงานและการดำเนินนโยบายต่าง ๆ ที่สำคัญ รวมถึงการตอบข้อสงสัยและข้อเสนอแนะจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะช่วยให้สาธารณชนเข้าใจการทำงานของกระทรวงศึกษาธิการและมั่นใจในในการพัฒนาการศึกษามากยิ่งขึ้น
โครงการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวะสมรรถนะสูงเพื่อรองรับอัตรากำลังที่ขาดแคลน
รมว.ศธ. กล่าวว่า การสร้างโอกาสให้ประชาชนได้เพิ่มและพัฒนาทักษะใหม่ นำไปสู่การสร้างงาน สร้างรายได้ สร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ เป็นสิ่งที่สำคัญที่จะขับเคลื่อนการศึกษาภาคบังคับไปพร้อม กับการพัฒนาการเรียนอาชีวะศึกษา ถือเป็นความท้ายทายของ ศธ. และ สอศ. ในการผลิตและพัฒนากำลังคนเพื่อให้เป็นบุคลากรที่มีประสิทธิภาพ
โดยสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ได้ดำเนินโครงการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวะสมรรถนะสูงเพื่อรองรับอัตรากำลังที่ขาดแคลน ซึ่งเป็นการตอบสนองต่อความต้องการของตลาดแรงงาน และมุ่งเน้นการสร้างโอกาสให้กับบุคคลทุกกลุ่มอายุในการเข้าถึงการเรียนรู้วิชาชีพ ผ่านรูปแบบการศึกษาที่ยืดหยุ่นและหลากหลาย สามารถตอบสนองต่อความต้องการของคนในทุกช่วงวัย นอกจากนี้ยังมีการเสริมสร้างและขยายเครือข่ายความร่วมมือระหว่างสถานศึกษาและภาคธุรกิจ เพื่อระดมทรัพยากรและยกระดับคุณภาพการอาชีวศึกษาและการฝึกอบรมวิชาชีพให้ทันสมัย
โดยการยกระดับคุณภาพหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้จะต้องเชื่อมโยงกับมาตรฐานอาชีพทั้งในระดับชาติและสากล ในขณะเดียวกันกก็มีการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของครูและบุคลากรในอาชีวศึกษาจะต้องมีการอบรมและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับสมรรถนะให้สูงขึ้น ซึ่งจะมีการลงนามความร่วมมือโครงการผลิตและพัฒนากำลังคนคุณภาพสูง ตามนโยบาย รมว.ศธ. ที่ให้ขยายความร่วมมือกับทุกภาคส่วนรวมทั้งให้นักเรียน นักศึกษามีรายได้ระหว่างเรียน เรียนจบแล้วมีงานทำ เพื่อรองรับอัตรากำลังที่ขาดแคลน ระหว่าง สอศ. สำนักงาน ก.พ. สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม และกรมธนารักษ์ ในวันจันทร์ที่ 10 มีนาคม 2568
“ขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่ร่วมมือกันขับเคลื่อนนโยบายต่าง ๆ จนสามารถเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมต่อประชาชน นี่คือการก้าวข้ามความท้าทายที่สำคัญในการทำให้ประชาชนมีความพึงพอใจ โดยหวังว่าต่อจากนี้ไป ศธ. จะมีคะแนนประเมินมากกว่า 50% ซึ่งเป็นการยืนยันว่าความพยายามร่วมกันในครั้งนี้กำลังเดินหน้าไปในทิศทางที่ถูกต้อง มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ต้องวิเคราะห์จุดแข็งและจุดอ่อนในกระบวนการที่ผ่านมา เพื่อเข้าใจความต้องการที่แท้จริงของประชาชนให้ชัดเจนยิ่งขึ้น การสำรวจความพึงพอใจและความต้องการของทุกคนเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เราดำเนินการขับเคลื่อนนโยบายตอบโจทย์ได้อย่างครบถ้วนในทุกมิติ”
อานนท์ วิชานนท์ / ข่าว – กราฟิก
สมประสงค์ ชาหารเวียง / วิดีโอ
ศศิวัฒน์ แป้นคุ้มญาติ / ภาพ
The post รมว. ศธ. “เพิ่มพูน” เตรียมใช้ยาแรงลงโทษทางวินัยบุคลากรในสังกัดยุ่งเกี่ยวบุหรี่ไฟฟ้า ย้ำต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้เด็กและเยาวชนไทย appeared first on กระทรวงศึกษาธิการ.