รมว.ศธ. “เพิ่มพูน” เป็นประธานการประชุมประสานภารกิจ ครั้งที่ 5/2568 นำทัพผู้บริหารระดับสูงกระทรวงศึกษาธิการ ลงพื้นที่จังหวัดสตูล ติดตามการขับเคลื่อนนโยบายเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษา PISA และการสอบ O-NET พร้อมวางแนวทางสร้างความฉลาดรู้ทางดิจิทัล (Digital literacy) ให้เยาวชน กำชับผู้บริหารทางการศึกษาในพื้นที่เร่งแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนหลุดออกจากระบบการศึกษาให้เข้าสู่ระบบครบทุกคนโดยเฉพาะเด็กและเยาวชนที่มีสัญชาติไทย

จังหวัดสตูล – 5 กุมภาพันธ์ 2568 / พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุมประสานภารกิจ ครั้งที่ 5/2568 ซึ่งถือเป็นการประชุมฯ สัญจรครั้งแรก ณ ห้องประชุมบานบุรี โรงเรียนสตูลวิทยา โดย นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เข้าร่วมผ่านระบบ e-Meeting จากห้องประชุมราชวัลลภ ซึ่งเป็นการประชุมในลักษณะ on-site ทัังสองแห่ง ภายหลังการประชุม รมช.ศธ. แถลงข่าว ณ ห้องแถลงข่าว กระทรวงศึกษาธิการ

รมว.ศธ. กล่าวว่า ขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่มีส่วนร่วมในการสนับสนุนการสอบ O-NET ของชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา 2567 ทั้ง สพฐ. สทศ. สช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่มีการวางแผนการดำเนินงาน การสร้างการรับรู้ให้นักเรียนเห็นความสำคัญของการสอบ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือร่วมใจของพวกเราในการดำเนินการ เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาของประเทศ

ทั้งนี้ ในโอกาสวาระที่ประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน มีความร่วมมืออันดีทางการทูตครบรอบ 50 ปี ซึ่งในวันที่ 14 ก.พ. นี้ จะมีกิจกรรมบริจาคโลหิต “ไทยจีนเลือดเดียวกัน” ขอให้ทุกหน่วยงานสำรวจความร่วมมือด้านการศึกษากับจีน รวมถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น ทั้งในแง่ของการพัฒนาหลักสูตร การแลกเปลี่ยนบุคลากรทางการศึกษา และโอกาสในการศึกษาต่อ เพื่อเป็นแนวทางในการเสริมสร้างความร่วมมือในอนาคต

สรุปสาระสำคัญจากการประชุม ดังนี้

การขับเคลื่อนเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษา PISA 

รมว.ศธ. กล่าวว่า การขับเคลื่อน PISA เป็นเรื่องที่ทุกหน่วยงานต้องร่วมมือกันเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้สามารถแข่งขันในระดับนานาชาติได้ โดยการสอบ O-NET ที่เพิ่งผ่านไปนั้น ถือเป็นมิติสำคัญในการประเมินความสามารถด้านการเรียนรู้ของนักเรียนในระดับต่าง ๆ และเป็นข้อมูลที่ใช้ในการวิเคราะห์ถึงแนวทางการขับเคลื่อนต่อไป สำหรับความก้าวหน้าผลการดำเนินงานการใช้ชุดพัฒนาความฉลาดรู้ฯ ด้านการอ่าน วิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์ ตามเป้าหมายในปี 2568 ในขณะนี้มีผู้ลงทะเบียนและอบรมแล้วเสร็จกว่า 1.3 แสนคน

ในส่วนของการเตรียมความพร้อมการประเมินนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ในการนำผลพัฒนามาเติมเต็มนักเรียนในภาคเรียนที่ 1/2568 โดยจะมีการประเมินผ่านระบบ PISA Style Online Testing โดยมีศึกษานิเทศก์เป็นผู้รับผิดชอบ ในการวิเคราะห์บริบทความพร้อมของโรงเรียน ดำเนินการผ่านระบบเครือข่ายที่มีความพร้อม เพื่อช่วยเหลือโรงเรียนที่มีความต้องการ และนำผลสรุปประเมินวิเคราะห์ไปสู่การพัฒนา และมีการเตรียมการในการส่งเสริมการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อเตรียมความพร้อมคอมพิวเตอร์ Summer Camp 2025 โดยมีการอบรมหลักการใช้คอมพิวเตอร์พื้นฐาน การฝึกปฏิบัติใช้คีย์บอร์ดและเมาส์ และการฝึกทำข้อสอบในระบบออนไลน์ ซึ่งคาดว่าจะจัดขึ้นในช่วงเดือนมีนาคม – พฤษภาคม 2568 เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับโรงเรียนเครือข่ายและเพื่อให้นักเรียนมีความคล่องตัวในการใช้งานอุปกรณ์คอมพิวเตอร์มากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ยังมีความก้าวหน้าในการจัดทำการสำรวจการอ่านของคนไทย ซึ่งสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา ได้ดำเนินการสำรวจการอ่านของคนไทย โดยเน้นทักษะการอ่านซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ที่สะท้อนให้เห็นคือคุณภาพการศึกษา คุณภาพผู้เรียน และยังเป็นส่วนหนึ่งในการวัดความสามารถทางการแข่งขันทางการศึกษาในระดับนานาชาติ ทั้งการจัดอันดับและการทดสอบ PISA โดย สกศ. ร่วมกับหน่วยงานในสังกัด ศธ. อาทิ สกร. และ สลช. จัดทำโครงการสำรวจการอ่านของคนไทย โดยพัฒนามาจากแบบสำรวจการอ่านของประชากร ซึ่งผลจากการสำรวจการอ่านของคนไทยนั้นจะเป็นส่วนหนึ่งในการนำมาวิเคราะห์และพัฒนาแนวทางสำหรับการพัฒนาคุณภาพการศึกษาต่อไป

ความฉลาดรู้ทางดิจิทัลหรือ Digital literacy

รมว.ศธ. กล่าวว่า ในมิติของการพัฒนานักเรียน โดยเฉพาะด้านความฉลาดรู้ทางดิจิทัล การใช้ AI ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นในปัจจุบัน เด็ก ๆ ทุกคนต้องใช้อุปกรณ์เครื่องมือเป็น โดยต้องเริ่มพัฒนาตั้งแต่ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีการปรับปรุงหลักสูตรให้ส่งเสริมการใช้ทักษะคอมพิวเตอร์ในทุกช่วงวัยให้มากยิ่งขึ้น เพื่อเตรียมเด็ก ๆ ให้พร้อมสำหรับการประเมิน PISA ในปี 2025 ที่กำลังจะถึงนี้

สำหรับ PISA 2022 ที่ผ่านมากับการพัฒนาคุณภาพผลลัพธ์ด้านความฉลาดรู้ทางดิจิทัลหรือ Digital literacy เป็นความเข้าใจในการใช้เครื่องมือดิจิทัล การใช้งานอินเทอร์เน็ตและบริการ ความเข้าใจในการป้องกันภัยคุกคามและการกำหนดความปลอดภัย โดยเฉพาะในวิชาคณิตศาสตร์ ซึ่งผู้เรียนส่วนใหญ่มีผลการประเมินต่ำกว่าระดับพื้นฐาน เกือบทุกสังกัด ยกเว้นโรงเรียนในกลุ่มที่เน้นวิทย์และโรงเรียนสาธิต ในประเทศที่มีผู้เรียนที่มีผลในระดับสูงจะมีแนวทางการเรียนรู้ด้วยดิจิทัลที่ดีกว่าประเทศที่มีคะแนนต่ำกว่ามาตรฐาน

ซึ่งประเทศไทยยังมีผู้เรียนที่มีผลการประเมินต่ำกว่าระดับพื้นฐานเป็นส่วนใหญ่ และมีการเรียนรู้ด้วยดิจิทัลค่อนข้างน้อย จึงควรเน้นความฉลาดรู้ทางดิจิทัลที่ต้องเร่งพัฒนาโดยเฉพาะในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ต้องมีการปฏิรูปหลักสูตรการศึกษาเพื่อสามารถเสริมหนุนความฉลาดรู้ทางดิจิทัลให้กับผู้เรียนได้มากยิ่งขึ้น อาทิ การส่งเสริมการคิดเชิงคำนวณ การพัฒนาทักษะดิจิทัลอย่างรอบด้าน การพัฒนาในทุกช่วงวัย หรือการนำ AI มาประยุกต์ใช้ในกระบวนการเรียนรู้ เพื่อจะส่งผลไปถึงการประเมินสมรรถนะการเรียนรู้ด้านดิจิทัล เพื่อเตรียมความพร้อมในการสอบ PISA 2025

โดย สพฐ. ได้มีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยและเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาช่วยในการจัดการเรียนรู้การพัฒนาทักษะดิจิทัลและการพัฒนาทักษะภาษาต่างประเทศ โดยมีการอบรมครูและศึกษานิเทศก์ เพื่อให้สามารถใช้ AI ในการออกแบบการเรียนการสอน การใช้ AI วิเคราะห์พฤติกรรมการเรียนรู้ของนักเรียน รวมถึงการใช้ AI ในการทำโครงการของนักเรียน เพื่อเพิ่มทักษะและการเรียนรู้ของครูและนักเรียนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

การแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนหลุดออกจากระบบการศึกษา THAILAND ZERO DROPOUT

รมว.ศธ. กล่าวว่า การติดตามและค้นหากลุ่มเด็กที่หลุดออกจากระบบการศึกษา ถือเป็นภารกิจสำคัญที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการติดตามเด็กนอกระบบฯ ในระดับจังหวัด ซึ่งทุกฝ่ายได้ร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด ส่งผลให้เกิดความก้าวหน้าในการติดตามเด็กที่ตกหล่นกลับเข้าสู่ระบบการศึกษาได้มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในบางพื้นที่สามารถดึงเด็กกลับมาเรียนได้มากกว่า 50% และยังมีการส่งต่อเด็กกลับเข้าระบบตามสังกัดต่าง ๆ ทำให้เห็นผลสำเร็จที่ชัดเจน จึงขอให้ทุกฝ่ายยังคงร่วมมือกันอย่างเต็มที่ เพื่อให้เด็กทุกคนกลับเข้าสู่ระบบการศึกษาต่อไปและไม่ให้ใครหลุดออกจากระบบการศึกษาอีกในอนาคต

การติดตาม “เด็กนอกระบบการศึกษา” ในระดับจังหวัด ที่มีการติดตามได้ 100% จำนวน 47 จังหวัด ซึ่งกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน มีผลการติดตามเด็กนอกระบบการศึกษามีการติดตามได้ 100% คือ จังหวัดภูเก็ต กระบี่ ตรัง พังงา ระนอง และเขตพื้นที่ที่มีการติดตามดำเนินการครบ 100% 139 เขตพื้นที่ เพิ่มขึ้นจากในสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่สำรวจได้ 83 เขตพื้นที่ ถือเป็นความก้าวหน้าในทางที่ดีที่ทุกหน่วยงานร่วมมือร่วมใจกันในการติดตามและค้นหานักเรียนตกหล่น สามารถดึงนักเรียนตกหล่นให้กลับมาเรียนได้มากกว่า 50% ในบางเขตพื้นที่ และกลับเข้าระบบตามสังกัด สพฐ. สช. สกร. และสังกัดอื่นทั้งในและนอกกระทรวงศึกษาธิการ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งภารกิจที่เราต้องดำเนินการต่อไปอย่างต่อเนื่องคือการเร่งค้นหาเด็กสัญชาติไทย ที่อยู่นอกระบบการศึกษาให้ครบ 100% ทุกจังหวัด ครบทุกคน และเตรียมการส่งต่อกลับเข้าระบบการศึกษาต่อไป

“มิติในการดำเนินงานของหน่วยงานต่าง ๆ นั้น ขอให้มีความรวดเร็ว โปร่งใส และมีการบูรณาการการทำงานร่วมกัน ให้ความสำคัญกับการสร้างการรับรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับนโยบายและมาตรการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ ระบบการย้ายข้าราชการครู (TRS) ซึ่งอาจจะเกิดข้อขัดข้องทางระบบเนื่องจากมีผู้ใช้งานจำนวนมาก นอกจากการปรับปรุงแก้ไขแล้ว ก็ต้องมีการชี้แจงข้อมูลให้ประชาชนได้รับทราบ เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องและเสริมสร้างความเชื่อมั่นของ ศธ. ในส่วนของระบบการสอบ O-NET ที่ผ่านมา ให้การบูรณาการข้อมูลเพื่อให้สามารถนำผลการสอบไปวิเคราะห์ ขยายผล และนำไปสู่การวางแผนการดำเนินงานเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้เรียนทุกคน”

อานนท์ วิชานนท์ / ข่าว
สมประสงค์ ชาหารเวียง,
ณัฐพล สุกไทย / ภาพ
ศุภณัฐ วัฒนมงคลลาภ / วีดิทัศน์

Share This Article

Related Post